เลือกตั้งและการเมือง

เบรกสายเขียว! ป.ป.ส.โต้ ปลูกกัญชาเสรี ยังทำไม่ได้

โดย sujira_s

11 ม.ค. 2565

1.6K views

จากกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเรื่อง กัญชาถูกกฎหมาย ทำไมยังถูกจับผ่านทางเฟซบุ๊ก Ganja TV โดยระบุถึง การที่มีประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564 โดยมีผลบังคับใช้ วันที่ 9 ธ.ค. 2564 ได้มีการประกาศใช้บังคับ ส่งผลให้ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ในมาตรา 7 ที่กำหนดให้ กัญชา เป็นยาเสพติด ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว


นอกจากนี้ นายศุภชัยังได้กล่าวว่าอีกว่า ทางพรรคภูมิใจไทยอาสาส่งทนายไปช่วยเหลือหากใครถูกจับกุม เพราะปลูกกัญชา


นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โฆษกสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ออกมายืนยันว่า การปลูกกัญชาเองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติดประเภท 5


โดยแม้ว่าจะปลดล็อกในบางส่วนของพืชกัญชาเช่น เปลือก เส้นใย ใบ รวมถึง สาร CBD แต่มีข้อแม้ว่าส่วนประกอบดังกล่าวต้องมีที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น


แม้ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ จะไม่มีชื่อกัญชาอยู่ในยาเสพติดประเภท 5 แต่ในนั้นได้มีการประกาศไว้ถึง การระบุชื่อยาเสพติดให้โทษว่า ยาเสพติดให้โทษชื่อใดอยู่ในประเภทใด ให้เป็นไปตามกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกาศกำหนด


ซึ่งจากเรื่องดังกล่าว กัญชา ยังคงอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ ยกเว้นวัตถุหรือสาร เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตในประเทศ เช่น เปลือก เส้นใย ใบที่ไม่มีช่อดอกติดมา สารสกัด CBD ที่มีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก



การขออนุญาตปลูกกัญชา สามารถทำได้ โดยต้องเป็นหน่วยงานของรัฐ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ สถาบันอุดมศึกษาที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัย หรือผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่รวมกลุ่มกันจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร และร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อขออนุญาต ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ หรือ อย. และต้องดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น


ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 5 อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 93 ของพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท ถ้าเป็นการกระทำเพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท

คุณอาจสนใจ

Related News