เลือกตั้งและการเมือง

เปิดฉายารัฐบาลปี 64 'ยื้อยุทธ์' วาทะแห่งปี 'นะจ๊ะ' ด้าน 'อนุทิน' ไม่เคืองสื่อตั้งฉายา 'ว้ากซีน'

โดย thichaphat_d

28 ธ.ค. 2564

42 views

ฉายารัฐบาลประจำปี 2564 โดยนักข่าวทำเนียบ ได้แก่ "ยื้อยุทธ์" เพราะภาพของรัฐบาลที่ยื้อแย่งกันเองทั้งในส่วนของอำนาจ และ ตำแหน่ง โดยไม่สนใจประชาชน มองว่าการดำรงอยู่ของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อยื้อให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะมีการชุมนุมขับไล่อย่างไร ใครไม่อยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์อยู่


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ชำรุดยุทธ์โทรม" คำอธิบาย คือ การบริหารราชการแผ่นดินตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ถือได้ว่า เป็นผู้ที่รับบทหนักที่สุดแห่งปี ถูกมองว่าล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโควิด-19 การกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริหารราชการ หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง ถูกโจมตีรอบด้าน แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่ในตำแหน่งได้ แต่ก็ทรุดโทรม เสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "รองช้ำ" เพราะ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ในตระกูล 3 ป. ประสบกับเรื่องช้ำๆ เจ็บซ้ำๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการเมือง โดยเฉพาะปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่เกิดความแตกแยกอย่างหนัก สะเทือนถึงพี่น้องอีก 2 ป สั่นคลอน " 3ป Forever " ซ้ายก็น้องรัก ขวาก็ลูกน้องที่รัก หักใจเลือกใครไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมแบกความเจ็บช้ำไว้คนเดียว


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข ได้ฉายา "ว้ากซีน" ล้อมาจากคำว่า "วัคซีน" ภาพที่ผู้คนชกต่อยยื้อแย่งวัคซีน บุคลากรทางการแพทย์ ดาหน้าออกมาเรียกร้องวัคซีนชนิด mRNA ผู้คนว้าก โวย เหวี่ยง ตำหนิการจัดหาและให้บริการวัคซีน ที่ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เพราะวัคซีนไม่มาตามนัด ไม่ว่านายอนุทิน จะชี้แจงอย่างไร กระแสตอบรับ โดยเฉพาะใน Social Media ไม่มีคำว่ารักษาน้ำใจ หรือ เห็นถึงความพยายามในการแก้ปัญหาภาวะวิกฤต จนนายอนุทิน ต้องออกโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลทุกครั้งที่มีโอกาส


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ฉายา "นายกฯ บางโพล" โดยทีมข่าวทำเนียบอธิบายว่า แม้ปีนี้ยังไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง แต่หัวหน้าพรรคหลายพรรค แสดงความพร้อมประกาศตัวเป็นนายกฯ หนึ่งในนั้น คือนายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผลสำรวจความคิดเห็น หรือ โพลบางสำนักเท่านั้น ที่ต้องการให้นายจุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายกฯคนต่อไป เปรียบได้กับการเป็นนายกฯแค่บางโพล ไม่ใช่ทุกโพล


ส่วนรองนายกฯอีกคน นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานด้วย ได้ฉายา "มหาเฉื่อย 4D" ( อ่านว่าโฟร์ดี) เพราะเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ยังแสดงฝีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่เด่นชัด เช่น ปัญหาราคาน้ำมันแพง จนสมาคมรถบรรทุกออกมาประท้วงและหยุดวิ่ง ประชาชนกลายเป็นประชาจน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า แม้จะผุดโปรเจ็คต่างๆ ก็ถูกมองเป็นนโยบายขายฝัน ด้วยเอกลักษณ์ เดินถือแก้วกาแฟชิลๆ มอบนโยบายเหมือนบรรยายธรรม โดยเฉพาะนโยบาย 4D ท่องจนเป็นคาถาติดปาก จึงได้รับฉายานี้ไป


นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้ฉายา "สุชาติ ชมเก่ง" เพราะเกือบทุกครั้งในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ เมื่อพูดถึงนโยบายของรัฐบาล หรือ งานในความรับผิดชอบ นายสุชาติมักจะขึ้นต้นประโยค ด้วยการชื่นชมและยกยอปอปั้น พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร อยู่เสมอ แถมยังติดสอยห้อยตามการลงพื้นที่ต่างๆ อีกทั้งยังเป็นรัฐมนตรีหนึ่งเดียวที่ขันอาสาออกหน้ารับคำท้า ขึ้นชกมวยคาดเชือก กับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แทนนายกฯ ที่ออกมาท้าว่า ใครแพ้ลาออก และ หากไม่รับคำท้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ฉายา "สายขม นมชมพู" ซึ่งก็มาจากปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่คาราคาซังมานานข้ามปี ยังไม่มีข้อยุติ ผลพวงจากภาระหนี้สินก้อนใหญ่ ยังหาทางออกไม่ได้ กลายเป็นเรื่องขมคอของหลายหน่วยงานภาครัฐ ซ้ำเจ้าตัวยังมีภาพหลุด ที่ ส.ส. พรรคเล็กขุดมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อมโยงคลัสเตอร์โควิด-19 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ ก่อนออกมาชี้แจงว่า ภาพดังกล่าวแค่สะท้อนชีวิตหนุ่มโสด ร้องคาราโอเกะ ดื่มนมชมพู หาความสุขหลังเลิกงาน ไม่ใช่ชายเสเพล ใช้ชีวิตประมาท จนเกิดคลัสเตอร์การระบาด


ขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ฉายา "ดีลล่มระดับโลก" ซึ่งมาจากการออกตัวการันตี Lisa วง Black Pink ศิลปินเกาหลี สัญชาติไทย ที่โด่งดังระดับโลก ตอบรับมาร่วมงานเคาท์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนที่ดีลจะล่มไม่เป็นท่า เมื่อต้นสังกัดออกแถลงการณ์ดับฝัน ทำให้รัฐบาลเสียเครดิต แม้แต่โครงการ Sandbox ก็เกือบจะเป็น Sandbox ต้องลดพื้นที่ให้เหลือแค่จังหวัดภูเก็ต เพราะสถานการณ์โควิด-19 ปะทุ


ขณะที่วาทะแห่งปี 2564 คือ "นะจ๊ะ" เป็นคำพูดติดปากของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแม้จะเป็นคำสามัญธรรมดาที่ใช้ทั่วไป แต่กลายเป็นคำไม่ธรรมดา เมื่อออกจากปากของผู้นำประเทศในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ที่ประชาชนสิ้นหวัง มีผู้คนล้มตายข้างถนน ตกงาน ขาดรายได้ จากวิกฤตโควิด-19 แม้นายกรัฐมนตรีเลือกใช้คำดังกล่าว เพื่อที่จะลดอุณหภูมิของสถานการณ์ลง


แต่สังคมสะท้อนกลับให้เห็นผ่านเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ว่าเป็นการใช้คำไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทบกระเทือนจิตใจผู้คน โดยเฉพาะการพูดหลังการประชุมวัคซีนและการแก้ปัญหาโควิด ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ที่ประชาชนต่างรอคอยการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ในการพิจารณาข้อเสนอมาตรการล็อกดาวน์ กทม.และปริมณฑล สะท้อนภาวะความเป็นผู้นำ ที่ล้มเหลวในการสื่อสารเมื่อเกิดภาวะวิกฤติ


ด้านนายอนุทินระบุว่า ก็ดีครับ ดีที่มีคำว่าวัคซีน หรือ ว๊ากซีน และวัคซีนเต็มแขน ก็เป็นสิ่งที่ถ้าไปเข้าหู ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ก็จะได้มารับวัคซีน และยิ่งที่ไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ขอให้ญาติพี่น้องพามารับ ว๊ากซีน ส่วนเข็ม 2 ไม่มีปัญหา เพราะใครที่มารับวัคซีนเข็มแรกก็จะมารับวัคซีนเข็ม 2 อยู่แล้ว ตอนนี้เราพูดกันถึงเข็ม 3-4 แล้ว พร้อมขอขอบคุณที่ตั้งฉายานี้ได้ และใช้ตนเป็นสื่อในการระจายคำว่าวัคซีนไปสู่พี่น้องประชาชน ผมก็ยินดีครับ

เมื่อถามว่าจะตั้งฉายาให้ตนเองว่าอย่างไร นายอนุทิน หัวเราะ และบอกว่าอย่าเลย คิดไม่ออก ผมทำงานทุกวันดีกว่า

ส่วนสื่อทำเนียบครม.ว่า ยื้อยุทธ นายอนุทิน หัวเราะและบอกว่า ก็ดีนะ ให้นายกรัฐมนตรีได้อยู่ครบเทอม ทุกคนทำงานไม่ต้องยื้อหรอก ถ้าไม่ดีจริงไม่อยู่ถึงวันนี้หรอกครับ มือเท่าไหร่ก็ยื้อไม่ได้ หลังจากตอบคำถามเสร็จก็เดินออกทันที โดยผู้สื่อข่าวพยายามถามต่อว่า รู้สึกเคืองหรือไม่ที่ถูกต้องฉายาแบบนี้ นายอนุทิน ตอบว่า ภูมิใจ ภูมิใจ ภูมิใจไทย



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qWJAFNkQG4Q

คุณอาจสนใจ

Related News