ศุลกากรยึดไอซ์ มูลค่า 116 ล้าน ซุกกระสอบทรายต่อยมวย เตรียมส่งออกออสเตรเลีย

วานนี้ (23 ธ.ค.) กรมศุลกากร ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวการตรวจยึดยาไอซ์ น้ำหนักรวม 193.5 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 116 ล้านบาท ที่เตรียมจะส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย โดยเป็นการซุกซ่อนยาไอซ์ ไว้ภายในชุดกระสอบทรายสำหรับฝึกซ้อมชกมวย

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรณีนี้ กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ได้ประมวลความเสี่ยงในการลักลอบนำยาเสพติดออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งพบว่าการส่งสินค้าในล็อตดังกล่าวที่มีปลายทางอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียนั้นมีความเสี่ยง ชุดปฏิบัติการร่วมสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดประจำท่าเรือสากลหรือ SITF จึงร่วมกันตรวจสอบสินค้าต้องสงสัย ที่ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ

พบลังกระดาษสีน้ำตาลจำนวน 30 ลัง สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในคือ ชุดกระสอบทรายแบบตั้งพื้นสำหรับฝึกซ้อมชกมวยรวม 15 ชุด แบ่งเป็นตัวกระสอบทราย ลังละ 1 ชุด จำนวน 15 ลัง และฐานสำหรับติดตั้งกระสอบทราย ลังละ 1 ชุด จำนวน 15 ลัง รวม 30 ลัง ซึ่งความผิดปกติของตัวสินค้าล็อตนี้ คือ ไม่ได้มีคุณภาพดีเหมือนสินค้าที่จะส่งออก อีกทั้งยังไม่ใช่ประเภทสินค้าที่ออสเตรเลียต้องการจากประเทศไทย โดยสินค้าประเภทนี้ ต่างประเทศมักจะผลิตได้คุณภาพดีกว่า

ตรวจสอบภายในตัวกระสอบทราย พบถุงพลาสติกที่บรรจุวัตถุเกล็ดสีขาวขุ่น เป็น ไอซ์ จำนวน 193.5 กิโลกรัม หากไปถึงปลายทาง จะมีมูลค่าเกินกว่าพันล้านบาท

ด้าน พลตำรวจตรีพรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า จากการขยายผลจากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ พบว่า บริษัทที่ทำการส่งออกเป็นบริษัทขนส่งสินค้าทั่วไปที่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง ซึ่งตัวสินค้ามีการถูกแพ็คมาก่อนหน้านี้ แถวกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และมาจ้างให้บริษัทนี้ขนส่ง ส่วนบริษัทปลายทางนั้น พบเป็นบริษัทเกี่ยวกับอุปกรณ์มวย ซึ่งทางออสเตรเลียจะร่วมขยายผลต่อไป

ทั้งนี้ ขณะนี้ตำรวจทราบเบาะแสของกลุ่มเครือข่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบส่งออกยาเสพติดแล้ว ซึ่งพบความเชื่อมโยงว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เคยส่งยาเสพติดไปยังประเทศออสเตรเลียก่อนหน้านี้ โดยมีข้อมูลทั้งบุคคล พฤติการณ์ และเส้นทางการลำเลียงที่ตรงกัน ซึ่งเบื้องต้น ตำรวจเตรียมออกหมายจับเป้าหมายประมาณ 1-2 ราย และจะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งออกทั้งหมด หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมาย แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การสนับสนุน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/brThpwERaqQ