ต่างประเทศ

โอมิครอนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในสหรัฐฯ

โดย panisa_p

21 ธ.ค. 2564

73 views

ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือ CDC แถลงเมื่อวานนี้ว่า โควิด "โอมิครอน"กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศแล้ว หลังจากพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อ”โอมิครอน” เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบแล้ว 48 รัฐ จาก 50 รัฐทั่วประเทศ


จากฐานข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนผู้ติดเชื้อโควิด "โอมิครอน" อยู่ร้อยละ 73.2 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่อยู่ร้อยละ 12.6 ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ"เดลต้า" ในสหรัฐ สวนทาง ลดลงมาอยู่ร้อยละ 26.6 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 87

CDC ยังเปิดเผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา สัดส่วนผู้ติดเชื้อ"โอมิครอน"ในประเทศมีไม่ถึงร้อยละ 1

ล่าสุดเมื่อวานนี้สหรัฐฯยังพบผู้เสียชีวิตจากโอมิครอนรายแรก ที่รัฐเท็กซัส เมื่อวานนี้ เป็นชายวัย 50 ปี ไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งมีขึ้นเพียง 20 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด “โอมิครอน” ครั้งแรกในประเทศ

ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีน-19ที่เพิ่มขึ้น ในช่วงที่จะถึงเทศกาลวันหยุดยาวคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในวันนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะประกาศมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อรับมือโควิด"โอมิครอน" แต่เชื่อว่าไม่เกี่ยวกับมาตรการปิดประเทศแต่อย่างใด

เป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว ที่ทั่วโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ที่สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ กลับมารวมตัวฉลองเทศกาลคริสต์มาส และส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งเสี่ยงให้การแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น


ชาวอเมริกันในนครนิวยอร์กจำนวนมาก เข้าแถวยาวรอคิดตรวจหาเชื้อโควิด นายน์ทีน เพื่อนำผลการตรวจที่เป็นลบ เพื่อขึ้นเที่ยวบินเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว ขณะที่บางคนเข้ารับการตรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยว่าจะไม่นำเชื้อไปแพร่กระจายให้กับคนอื่นๆ ตอนที่กลับไปฉลองคริสต์มาสกับครอบครัว

ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงที่นครเจนีวา เมื่อวานนี้ ขอให้ประชาชน ยกเลิก หรือ เลื่อน แผนการจัดงานในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อป้องกันระบบสาธารณสุข ที่ต้องรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น จากการแพร่ระบาด เชื้อกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่า เชื้อ “เดลต้า” อีก และยังสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้ที่รับวัคซีนมาแล้ว รวมทั้งผู้ที่เคยติดเชื้อและหายจากโควิด -19แล้วด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News