ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ยังวุ่น ผู้ลี้ภัยเมียนมา อพยพเข้าไทยเกิน 2,500 คน

ไทยเปิดพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากว่า 2,500 คนแล้วหลังเกิดการปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลัง knu ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ย้ำช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ผู้หนีภัยพร้อมเดินทางกลับเมื่อปลอดภัย

แต่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้ทําการยิงกระสุนควัน จํานวน 1 นัด เพื่อเเจ้งเตือน กองกําลังทั้งสองฝ่าย ห้ามรุกล้ำอธิปไตยของไทย และยังต้องติดตามสถานการร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้หนีภัย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยว่า พวกเขาพร้อมเดินทางกลับบ้านหากสถานการณ์ปลอดภัย


ในขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้ตรวจพบกระสุนไม่ทราบชนิด ไม่ทราบฝ่าย จํานวน 1 นัด ตกลงบริเวณป่าสักริมน้ําเมยในฝั่งไทยไมมีรายงานการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทย


ซึ่งในจำนวนผู้หนีภัยมีทั้งเด็ก ผู้หญิงและคนชรา ในจำนวนนั้น พบผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เจ้าหน้าที่ไทยได้ปฐมพยาบาล และนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด รวมทั้งจัดทีมแพทย์และพยาบาลมาทำการคัดกรองโรคโควิด-19 และสภากาชาดไทย ได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภคและสิ่งของจำเป็น รวมถึงหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ ให้การช่วยเหลือตามหลักการสภากาชาดไทยด้านมุนษยธรรม


นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาการณ์ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าตรวจเยี่ยมผู้หนีภัยความไม่สงบจากประเทศเมียนมา ภายในโรงเรียนบ้านแม่ตาวกลาง ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด ซึ่งล่าสุดมีเข้ามาแล้ว 2,598 คน นับจากเริ่มเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ตั้งแต่เวลา 10 นาฬิกา เมื่อวานนี้ 16 ธันวาคม บริเวณบ้านมินละป่าน ทางทิศใต้ของจังหวัดเมียวดี ห่างจากแนวชายแดนเข้าไปในประเทศเมียนมา ประมาณ 500 เมตร ซึ่งกองร้อยเคลื่อนที่เร็ว กองกำลังนเรศวร ได้ตรวจพบผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา จำนวน 700 คน ก่อนที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 รายงานตรวจพบกระสุนไม่ทราบชนิด ไม่ทราบฝ่าย จํานวน 1 นัด ตกลงบริเวณริมน้ําเมยในฝั่งไทย ไม่มีรายงานการสูญเสียในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนไทย

แต่ในช่วงค่ำมีผู้หนีภัยเข้ามาเพิ่มอีกกว่า 1,800 คน และเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ส่งผลให้ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ต้องอพยพ จากพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว คอกวัวกํานันปั้นไปยัง พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว โรงเรียนบ้านแม่ตาวกลาง เพื่อความปลอดภัยของ ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เนื่องจากในเช้าวันนี้ยังมีการประทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลัง KNU ประปราย

ในขณะที่กองกำลังนเรศวร และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ได้ติดตามสถานการณ์เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชนในฝั่งไทย และประสานการปฏิบัติ กับรัฐบาลเมียนมา ผ่านช่องทางความร่วมมือระดับทวีภาคี โดยใช้ช่องทาง คณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น ไทย - เมียนมา (TBC) เพื่อประท้วง กรณีที่มีกระสุนไม่ทราบชนิดไม่ทราบฝ่าย ข้าม มาตกยังฝั่งไทย รวมถึงได้แจ้งเตือน หากมีกระสุนมาตก เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทย จะดําเนินการยิงกระสุนเพื่อเเจ้ง เตือน และจะปฏิบัติตามกฎการใช้กําลัง และศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก ขอความร่วมมือ ประชาชนในพื้นที่ งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ ด เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับเหตุปะทะบริเวณชายแดยไทยอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และจังหวัดเมียวดีของเมียนมา ครั้งนี้อยู่ในพื้นที่กองพล 6 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU รุนแรงในรอบกว่า 10 ปี จนเกิดการอพยพเกือบ 3 พันคน ซึ่งเหตุการณ์เกิดจากทหารเมียนมาสนธิกำลังกับกองกำลังป้องกันชายแดนบีจีเอฟ เข้าโจมตีฐานกองกำลังทหาร KNU ที่ต้องสงสัยว่าใช้เป็นที่ตั้งในการฝึกของกองกำลังพิทักษ์ประชาชน PDF ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งทาง KNU ระบุว่าทหารเมียนมาได้ละเมิดข้อตกลงทำให้ต้องปะทะและต้องปกป้องประชาชนกะเหรี่ยงรวมถึงความปลอดภัยของประชาชนที่ปกป้องประชาธิปไตยด้วย