สังคม

เตือนภัย! ยาเสพติดแบบใหม่ 'กาแฟผสมยาอี' ด้าน ป.ป.ส. ชี้ รู้ตัวคนโพสต์ขายแล้ว

โดย thichaphat_d

3 พ.ย. 2564

167 views

เพจดังโพสต์เตือนภัย หลังมีคลิป วัยรุ่นดื่มกาแฟผสมยาอี ด้าน ป.ป.ส. รู้ตัวเจ้าของบัญชีโพสต์ขายแล้ว เร่งขยายผล


จากกรณีคลิปใน TikTok ที่กำลังถูกวิจารณ์อย่างร้อนแรง กับภาพกลุ่มวัยรุ่นที่ถ่ายให้เห็นซองกาแฟสำเร็จรูป เมื่อเทออกมาพบว่า ผงในซองนั้นกลับมีลักษณะเป็นผงสีเหลืองผสมอยู่ หลังจากนั้นจะมีภาพวัยรุ่นกลุ่มนี้อยู่ในปาร์ตี้ที่แต่ละคนมีอาการมึนเมา โดยมีความเห็นในคลิปนี้ ที่ชี้ว่า กาแฟที่เห็นนั้นมียาอีผสมอยู่ และมีราคาขายอยู่ที่ 2 - 3 พันบาท


เพจ หมอแล็บแพนด้า ได้โพสตภาพนิ่งจาก TikTok และเขียนข้อความว่า “กาแฟผสมยาอี กำลังฮิตในหมู่วัยรุ่นครับ พ่อแม่ช่วยกันดูด้วยครับ”


เพจ Drama-addict ได้โพสต์ข้อความว่า พ่อแม่พี่น้องที่มีลูกหลานเล่น TikTok โปรดระวังช่วงนี้ใน Tiktok มีหลายช่องที่เป็นวัยรุ่น เอากาแฟสำเร็จรูปที่แกะออกมาแล้วสีแม่_ แปลกๆ มาผสมกินกัน กินเสร็จแล้วก็ทำท่าเคลิบเคลิ้ม เหมือนเมา แล้ววัยรุ่นสนใจเข้าไปถามว่ากาแฟอะไร มันก็จะบอกว่า ถ้าอยากรู้จ่ายมาสองพัน ถึงสองพันห้า มันคือยาอี ที่ผสมมาในซองกาแฟ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตำรวจเพิ่งจับได้หมาดๆ เป็นยาอีที่ซุกมาในคราบครีมเทียม ตอนนี้มันใช้ซองกาแฟละ พ่อแม่พี่น้องท่านใดเจอลูหลานไปกินกาแฟไปเมาไป ก็นั่นแหละครับ แจ้งตำรวจด่วนๆ


นอกจากนี้ เพจ Drama Addict ยังโพสต์ลิงก์ข่าว เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งเป็นข่าวที่ ตำรวจจังหวัดหนองคาย จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดที่ใช้วิธีการขนส่งตบตาเจ้าหน้าที่ ด้วยการยัดยาอีใส่เข้าไปในซองครีมเทียม


ด้าน รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาคเคมี ม.เกษตรศาสตร์ บอกว่า เคสที่เกิดขึ้นมีความคล้ายคลึงกับ “เคนมผง” มีการผสมสูตรยาเสพติด กับสารกดประสาทอีกตัวหนึ่ง คือ คาแฟอีน แต่ไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่ ต้องตรวจสอบดูก่อน ถ้าเป็นเคนมผง ถือว่ามีความรุนแรงมาก แต่ถ้ายาอีทั่วไป ก็จะเสริมฤทธิ์กัน


ตัวยาอีที่ใส่เข้าไปมันจะเพิ่มฤทธิ์การกระตุ้นประสาทของคาแฟอีน ให้แรงกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งไม่รู้ว่าใส่เท่าไหร่ แถมยาอีมีฤทธิ์การกดประสาทเข้าไปอีก เสี่ยงเกิดภาพหลอน ทำร้ายตัวเอง หรือเป็นเหยื่อให้มิจฉาชีพได้ หรือเกิดอาชญากรรม


สำหรับยาอี จัดอยู่ในกลุ่มยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ซึ่งมีสูตรโครงสร้างคล้ายกับเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า แต่มีฤทธิ์ที่รุนแรงกว่าประมาณ 10 เท่า โดยออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท และทำลายเซลล์สมองที่เกี่ยวข้องกับความคิดและความจำ ถ้ารับประทานมาก อาจคล้ายเคนมผง ถึงแก่ชีวิตได้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างรวดเร็ว


ด้านโฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ได้ติดตามสืบหาต้นตอของคลิปว่า มาจากแหล่งไหน เพราะTiktok มีวัยรุ่นเข้าไปดูจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องที่อันตราย ที่สำคัญเสมือนเป็นการ โฆษณาซื้อขายอย่างโจ่งแจ้ง


ขณะที่นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า จากกรณีที่สื่อให้ความสนใจการซื้อ- ขายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีผู้โพสต์จำหน่ายยาเสพติดหลายประเภทผ่านทาง Tiktok เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ โดยมีประเด็นที่น่าสนใจคือการโพสจำหน่ายสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยาเสพติด บรรจุอยู่ในซองกาแฟทรีอินวันยี่ห้อหนึ่ง โดยระบุข้อความว่า “กาแฟซอง 3,000” ซึ่งเป็นที่เข้าใจทั่วไปว่า วัตถุที่อยู่ในกาแฟซอง มีการตั้งราคาจำหน่ายซองละ 3,000 บาท นั้น


“สั่งการให้สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจสอบแล้ว พบว่าบัญชีผู้ใช้รายหนึ่ง โพสต์ขายยาเสพติดในข้อความดังกล่าวข้างต้น เมื่อวันที่ 27 ต.ค.64 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ภายในซองกาแฟดังกล่าวนั้น เป็นยาอีผงบดผสมกับไฟว์ ไฟว์ (five-five) หรืออิริมินไฟว์ (Erimin 5) และยาเสพติดชนิดอื่นนำมาผสมรวมกัน จำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท


โดยอ้างสรรพคุณว่าจะให้ผลการออกฤทธิ์หรือมึนเมาได้มากกว่าการเสพย าอีเพียงอย่างเดียว ในส่วนการบรรจุด้วยซองกาแฟนั้น เป็นเพียงวิธีการปกปิดอำพรางทั่วไปของนักค้ายาเสพติด และเพื่อความสะดวกในแบ่งหน่วยจำหน่าย ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรมากนัก” นายวิชัย กล่าว สำหรับยาไฟว์ ไฟว์ หรืออิริมินไฟว์ เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในกลุ่มยากล่อมประสาท เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2552 ออกฤทธิ์รุนแรง จึงต้องมีการควบคุมการใช้อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ การจำหน่ายยาเสพติดในลักษณะดังกล่าว จะใกล้เคียงกับกรณีการค้า “ยาเคนมผง” ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อต้นปี 2564 ที่ผ่านมา


ซึ่งการนำวัตถุออกฤทธิ์กลุ่มยานอนหลับ ไปบดเป็นผง และผสมกับยาเสพติดบางชนิด เช่น เฮโรอีน และคีตามีน หรือบางรายก็ไม่ผสมยาเสพติดชนิดใดๆ เลย จากนั้นประกาศจำหน่ายในราคาซองละ 3,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นยาเสพติดชนิดใหม่ ที่ออกฤทธิ์รุนแรงกว่าเดิม และมีผู้เสพซื้อไปเสพ ส่งผลให้เสียชีวิตหลายรายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามที่ปรากฏเป็นข่าว


สำหรับในกรณีนี้ ทางสำนักงาน ป.ป.ส. สืบสวนจนทราบตัวเจ้าของบัญชีโพสต์ขายยาเสพติดแล้ว กำลังเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป และขอเตือนว่ากรณีดังกล่าว เป็นความผิดฐาน “โฆษณายาเสพติดให้โทษ” ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 48 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000- 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


หากมีการซื้อขายตามที่โพสต์ ผู้โพสต์จะมีความผิดฐาน “จำหน่าย” ส่วนผู้ซื้อ จะมีความผิดฐาน “ครอบครอง” และหากส่งไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศก็จะมีความผิดฐาน “ส่งออก” อีกทั้ง สำนักงาน ป.ป.ส. อยู่ระหว่างส่งเรื่องดังกล่าวให้กระทรวง DES เพื่อระงับการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าว



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LXenspxNN6U

คุณอาจสนใจ

Related News