อาชญากรรม
ล่าฆาตกรโหด ฆ่าเกาหลียัดถังถ่วงน้ำรีด 3 ล้าน คาดเผ่นออกนอกแล้ว 2 เร่งสอบแรงจูงใจโยงยาเสพติด
โดย thichaphat_d
13 พ.ค. 2567
100 views
รอง ผบช.น.เผย คนร้ายอุ้มฆ่าหนุ่มเกาหลียัดถังโบกปูนถ่วงน้ำ มี 3 คน หนีออกนอกประเทศไปแล้ว 2 เร่งตรวจสอบมูลเหตุจูงใจโยงยาเสพติดหรือไม่ ญาติเศร้าเข้าพบตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ก่อนออกหมายจับ
จากกรณีนายโรห์ อึนจง อายุ 34 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ หายตัวไป กระทั่งแม่ของนายโรห์ ได้รับโทรศัพท์ปริศนาบอกว่าลูกชายของตนได้นำยาเสพติดไปทิ้งน้ำ ทำให้ได้รับความเสียหาย แม่ต้องเอาเงินมาให้ 3 ล้านบาท ไม่เช่นนั้นลูกชายจะถูกฆ่าตาย แม่ของนายโรห์ จึงแจ้งสถานทูตเกาหลีเพื่อประสานมาทางตำรวจ สน.คลองตัน เร่งติดตามตัว และพบศพถูกฆ่ายัดถัง 200 ลิตร โบกปูนถ่วงน้ำ ที่อ่างเก็บน้ำมาบประชัน หมู่ 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ความคืบหน้าวานนี้ (12 พ.ค.) เวลา 13.20 น. ญาติของนายโรห์ อึนจง คือ นายจอง จอ ยอง (Mr.Jung Junyung) อายุ 33 ปี ลูกพี่ลูกน้อง และน.ส.โนห์ ชินฮเย (Mrs.Noh Shinhye) อายุ 42 ปี พี่สาว บินมาจากเกาหลีใต้ มาถึงที่ สน.มักกะสัน พร้อมกับเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย เมื่อมาถึงได้เดินเข้าไปในห้องสอบสวนทันทีและปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนประกอบกับเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ขอความร่วมมือไว้ก่อนหน้านี้
จากการสังเกตพบว่า พี่สาวของผู้เสียชีวิต มีสีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นทั้งหมดได้เดินเข้าห้องของพนักงานสอบสวน เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ทำการตรวจเก็บดีเอ็นเอ เพื่อพิสูจน์เทียบกับอัตลักษณ์ของศพผู้เสียชีวิต เป็นการยืนยันว่า คือ นายโรห์ อึนจง จริง ก่อนจะนำไปสู่การออกหมายจับคนร้าย และรับร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ
จากนั้น 14.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.มักกะสัน พร้อมเปิดเผยว่า ร่างผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจชันสูตรที่นิติเวช รพ.ตำรวจ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เก็บดีเอ็นเอพี่สาว มาเปรียบเทียบกับศพที่เจอว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ส่วนผู้ก่อเหตุ เชื่อว่ามี 3 คน คือ นายคิม นายลี และนายลุน ชาวเกาหลี
จากการตรวจสอบไทม์ไลน์ พบว่า ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าประเทศไทย วันที่ 30 เม.ย.2567 และเข้ามาพักที่โรงแรมอมาด้า จากนั้น วันที่ 2 พ.ค. เวลาประมาณ 4 โมงเย็นเดินออกไปศูนย์การค้าแห่งหนึ่งใกล้โรงแรมแล้วกลับเข้าที่พัก จากนั้น 19.36 น.ผู้เสียชีวิตเดินออกจากโรงแรมและได้ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างไปสถานบันเทิงที่อาร์ซีเอ ซึ่งภาพกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้เสียชีวิตมาที่สถานบันเทิง และมีเพื่อนชาวเกาหลีเดินมาประกบตอนออกจากสถานบันเทิงประมาณตี 2 กว่า ของวันที่ 3 พ.ค. และมีรถมารอรับ จากนั้นผู้เสียชีวิตก็ขึ้นรถฮอนด้าซิตี้ ออกจากสถานบันเทิง ภายในรถมีคนทั้งหมด 4 คน รวมตัวผู้เสียชีวิตด้วย
จากการตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถเช่า ชื่อผู้เช่าคือ นายคิม ผู้ร่วมก่อเหตุทำหน้าที่เป็นคนขับ รถมุ่งหน้าออกจากอาร์ซีเอ ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านร่มเกล้า จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว นายลี ผู้ร่วมก่อเหตุ เป็นคนมาเช่าพัก และแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนเช่าบ้านไว้ก่อนที่จะก่อเหตุ โดยกล้องวงจรปิดภายในบ้านถูกผู้ก่อเหตุดึงสายเราท์เตอร์กล้องวงจรปิดออกหมด ทำให้ไม่มีภาพที่เกิดขึ้นในบ้านหลังดังกล่าว เหลือเพียงภาพนิ่งบางส่วน ที่พบว่านายคิมเดินอยู่ในบ้าน หลังจากนั้น เวลาประมาณตี 3 นายคิม ออกจากหมู่บ้านคนเดียว ไปคอนโดย่านสุขุมวิท เพื่อเก็บเสื้อผ้า แล้วขับรถกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง
จากนั้น ก็มีการขับรถออกไปอีกครั้ง ทั้ง 4 คน ในช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ค. ไปคอนโดย่านสุขุมวิท 77 จุดนี้ ผู้ร่วมก่อเหตุที่ชื่อ นายลุน ลงไปเอาสิ่งของบางอย่างที่คอนโด แล้วเอามาให้คนในรถ แต่ตัวนายลุน ไม่ได้ขึ้นรถมาด้วย จากนั้นรถคันดังกล่าวขับออกไป ผ่านด่านลาดกระบังขาออก มุ่งหน้าไปพัทยา โดยเหลือคนในรถ 3 คน รวมผู้เสียชีวิต
จากการสืบสวนพบว่า รถคันดังกล่าวขับเข้ามาที่หมู่บ้านมาบประชัน ในเวลาประมาณ 9 โมงเศษ (3 พ.ค.67) ซึ่งบ้านหลังนี้ นายลี มาขอเช่าผ่านแอปพลิเคชั่น โดยเช่าตั้งแต่วันที่ 3-10 พ.ค. รถคันดังกล่าวขับมาจอดที่บ้านหลังนี้สักพัก และตอน 10.00 น. ก็ขับไปที่ร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ยังไม่ได้ซื้ออะไร แล้วขับรถกลับเข้าไป
ก่อนที่ประมาณ 10.45 น.นายคิม ขับรถมาจอดที่หน้าบริษัทให้เช่ารถ แล้วนายคิมลงจากรถมาทำสัญญาเช่ารถ 1 คัน เป็นรถกระบะสีขาว และขับมาที่บ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า ในช่วงเวลาประมาณ 11 โมงของวันที่ 3 พ.ค. หลังรถกระบะ ยังไม่ได้บรรทุกอะไรมา และพบว่า เวลาประมาณบ่าย 3 โมง นายคิม และนายลี ขับรถกระบะออกมาที่ร้านค้า เพื่อมาซื้อถังสีดำขนาดใหญ่ และเชือกไว้ท้ายกระบะโดยมีผ้าคลุม แล้วขับรถกลับไปบ้านเช่า
เจ้าหน้าที่พบว่า ช่วงระหว่างวันที่ 3-4 พ.ค. ประมาณ 25 ชม. ผู้ก่อเหตุได้ถอดกล้องวงจรปิดออกจากบ้านที่เช่าทั้งหมด ทำให้ไม่มีภาพในบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น จนวันที่ 4 พ.ค. เวลาประมาณ 17.34 น. นายลี ขับรถกระบะออกไป และนายคิม ขับรถฮอนด้าซิตี้ ขับออกจากหมู่บ้าน แล้วขับวนอยู่ในพัทยาเกือบ 5 ชั่วโมง
จนเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นรถสองคัน เข้ามาแถวอ่างเก็บน้ำ ชายคนหนึ่งลงจากรถเก๋งฮอนด้า มาหารถกระบะ แล้วรถกระบะก็ขับเข้าไปบริเวณอ่างเก็บน้ำ ใช้เวลาประมาณ 25 นาที รถกระบะคันดังกล่าวก็กลับออกมา แล้วกลับมาหมู่บ้านมาบประชัน โดยภาพวงจรปิดของหมู่บ้านปรากฏจะเห็นชัดเจนว่า ขาออกหมู่บ้านรถกระบะมีผ้าคลุมสีดำ ขาเข้าหมู่บ้านไม่มีผ้าคลุมสีดำหลังกระบะแล้ว
พล.ต.ต.นพศิลป์ เผยต่อว่า ผู้ก่อเหตุน่าเชื่อว่ามีทั้งหมด 3 ราย โดยจากการตรวจสอบข้อมูลของ ตม. เชื่อว่าผู้ก่อเหตุ 2 ราย หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว คือ นายลี หลบหนีไปกัมพูชา ส่วนนายลุน หลบหนีกลับไปประเทศเกาหลี ส่วนนายคิม ยังไม่พบการเดินทางออกผ่านด่าน ตม. พบแค่การเดินทางเข้าประเทศไทย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบทางช่องทางทางธรรมชาติด้วย จึงได้ประสานสถานทูต ซึ่งสถานทูตเกาหลีพร้อมให้ความร่วมมือ เพราะมีสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
และหากผลการตรวจดีเอ็นเอเป็นนายโรห์จริง ก็จะมีการขอหมายจับและประสานขอหมายแดง ซึ่งหากมีการออกหมายจับแล้วและหากพบตัวในประเทศเกาหลี ตำรวจเกาหลีก็สามารถเข้าคุมตัวไว้สอบสวนและประสานส่งตัวมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยได้ทันที /ทั้งนี้ตำรวจต้องการข้อมูลประวัติย้อนหลังของผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเหตุในครั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุมีประวัติอาชญากรรมย้อนหลังแต่นานมากแล้ว จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม
ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า จากการสอบถามญาติ สอบถามเพื่อนและสอบถามแฟนที่อยู่เมืองไทย เบื้องต้นยังไม่มีความเกี่ยวข้องเรื่องยาเสพติด ส่วนที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างกับแม่ของผู้เสียชีวิต ก็ได้มอบให้กับทางตำรวจเกาหลีทำการตรวจสอบและจะต้องรวบรวมหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียดอีกครั้ง
ด้านแฟนของผู้เสียชีวิตคบกัน 1 ปี กับ 5 เดือน ประกอบอาชีพรับจ้าง ให้การว่า ผู้เสียชีวิตทำอาชีพเทรดหุ้น และทั้งญาติและแฟนของผู้เสียชีวิต ระบุว่า ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน และเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกที่อาร์ซีเอ จึงต้องประสานตำรวจเกาหลีให้ช่วยตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และจากการตรวจสอบพบว่าเงิน 3 ล้านที่ถูกเรียกค่าไถ่ ทางครอบครัวยังไม่ได้โอนให้
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังระบุอีกว่า จากการตรวจสอบศพของผู้เสียชีวิตพบว่ามีการตัดนิ้วทั้ง 10 นิ้ว ซึ่งทางแพทย์นิติเวชจะต้องตรวจชันสูตรให้ชัดเจนว่า เป็นการตัดก่อนหรือหลังการตาย ซึ่งหากตัดก่อนก็แสดงว่าเป็นการทรมานเพื่อเรียกบางสิ่งบางอย่าง หรือให้ได้ข้อมูลบางสิ่งบางอย่างจากผู้เสียชีวิต แต่หากตัดนิ้วหลังการเสียชีวิต ก็วิเคราะห์ได้ว่าหากมีการเจอศพก็เพื่อต้องการไม่ให้พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจากลายพิมพ์นิ้วมือได้ ด้านเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนคนร้ายมีความรู้ในการทำลายพยานหลักฐานหรือไม่นั้น เบื้องต้นยังไม่พบอุปกรณ์ใด ๆ ในการทำลายพยานหลักฐาน
ส่วนผู้ก่อเหตุที่มีการวางแผนมาก่อน น่าจะเป็นมืออาชีพหรือไม่นั้น พบว่า มีการวางแผนกันเป็นอย่างดี ทั้งการเตรียมที่เช่าพัก ทั้งการดำเนินการ และรู้วิธีการหาอุปกรณ์ในการดำเนินการอำพราง ซ่อนเร้นศพ เพราะนายคิม เข้าเมืองไทย มา 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 63 และนายลี เข้ามาปี 67 พร้อมกับนายลุน ซึ่งการที่นายคิม เข้า ๆออก ๆ เมืองไทย แสดงว่ามีความชำนาญพื้นที่พอสมควร
ทั้งนี้จากการสอบปากคำญาติของผู้เสียชีวิต ยังพบว่าผู้เสียชีวิต ชอบเที่ยว ชอบดื่ม และที่คนตายเข้ามา ประเทศไทย เข้ามาประมาณ 8 ครั้งในฐานะนักท่องเที่ยว และรู้สึกรักเมืองไทย และอยากอยู่เมืองไทย ส่วนผู้เสียชีวิตจะทำธุรกิจอะไรนั้น ขณะนี้ได้มอบให้ตำรวจเกาหลีทำการตรวจสอบ
ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เดินทางไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 17/93 ม.3 หมู่บ้านมาบประชัน ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งสันนิษฐานว่าคนร้ายลักพาตัวชายชาวเกาหลีมาฆ่ายัดถังที่บ้านหลังนี้หรือไม่ ก่อนนำไปโบกปูนถ่วงน้ำ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วแต่ไม่พบหลักฐานใด ๆ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างตรวจสอบสถานที่สังหาร
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/yYQiUy0N33g