เหยื่อถูกหลอกทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา แฉโดนขังรวม วอนช่วยพากลับไทย

การร้องขอความช่วยเหลือของคนไทยกลุ่มหนึ่งที่บอกว่า ถูกหลอกไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์การลงทุนออนไลน์ และเว็บพนันออนไลน์ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งหลังจากก่อนหน้านี้ได้พยายามติดต่อความช่วยเหลือไปยังทางการไทยครั้งหนึ่งแล้ว แต่เรื่องก็เงียบ จนขณะนี้ยังถูกกักตัวรวมกันอยู่ที่อาคารแห่งหนึ่งในกัมพูชา โดยมีคนคอยเฝ้าไม่ให้ออกไปข้างนอกหรือกลับประเทศได้ เพราะนายทุนชาวจีนที่หลอกไปทำงานอ้างว่า เขาได้จ่ายค่าหัวให้กับคนนำพาไปแล้วคนละหลายหมื่น จึงบังคับให้ทำงานใช้หนี้ โดยไม่รู้มาก่อนว่า เป็นขบวนการหลอกให้มาหลอกคนไทยด้วยกัน

โดยเหยื่อได้ถ่ายสภาพความเป็นอยู่ในสถานที่กักตัวกลุ่มคนไทย ที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแอดมินเพจลงทุนออนไลน์ และเว็บพนันออนไลน์ในประเทศกัมพูชา

โดยหญิงรายหนึ่งชาวไทยใหญ่ เพิ่งถูกหลอกมาเมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้และถูกนำมากักตัวไว้ในที่เดียวกัน ได้ร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ข่าว 3 มิติได้ ตีแผ่ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และการลงทุนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง มีผู้ตกเป็นเหยื่อต้องสูญเสียเงินไปจำนวนมาก

คนไทยกลุ่มนี้ติดต่อมาแจ้งว่า การหลอกลวงออนไลน์ คนไทย มาอยู่หลายกลุ่ม หลายรูปแบบและตัวการใหญ่ทั้งหมดเป็นนายทุนชาวจีนที่ไปเช่าที่ทำการอยู่ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน พวกเขาเป็นเพียงเหยื่ออีกกลุ่มหนึ่งของหนึ่งในขบวนการเท่านั้น

ขณะที่ผู้ที่ถูกหลอกไปทำงานอีกคนเป็นชาย ซึ่งร้องเรียนว่า ถูกหลอกไปเช่นกัน และเป็นหนึ่งใน 15 คนไทยที่รอความช่วยเหลือโดยอธิบายว่า ขบวนการนี้ทำงานในลักษณะเดียวกับขบวนการค้ามนุษย์ ที่นายทุนชาวจีนกลุ่มหนึ่งจะซื้อโฆษณายิงตามโซเชียลมีเดีย รวมทั้งยังลงโฆษณารับสมัคงานออนไลน์ด้วย ตนต้องการงานจึงหลงสมัครไป อ้างว่าไปทำงานในบ่อนคาสิโน ได้เงินเดือนละ 35,000 บาท

สำหรับเส้นทางที่ออกไป คือ จะใช้ด่านเถื่อนที่จังหวัดสระแก้ว จากนั้นจะมีนายหน้ามารับไป เมื่อถึงจึงถูกสอนงานและบังคับให้ทำงาน อ้างว่าได้จ่ายค่าหัวให้กับคนนำมาไปแล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นขบวนการชาวจีนเกือบทั้งหมด

ซึ่งตลอดวันนี้มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ประสานมายังทีม ข่าว 3 มิติ เพื่อติดตามประสานความช่วยเหลือนำกลุ่มคนไทยกลุ่มนี้กลับมาจากกัมพูชา ซึ่งกรมการปกครองได้ทราบว่า ทั้งหมดเป็นใครบ้าง รวมทั้งชุดปราบปรามการค้ามนุษย์ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีพลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตั้งทีมช่วยเหลือเร่งด่วน ขณะที่มูลนิธิพิทักษ์สตรี ก็ยืนยันว่า การหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ และค้ามนุษย์

โดยก่อนหน้านี้พวกเขาบอกว่าเคยประสานความช่วยเหลือมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาคนอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่สถานฑูตกัมพูชามาดูและนำอาหารมาให้ แต่กลับไม่มีการส่งตัวกลับมา เชื่อว่านั่นอาจเป็นเพียงการหลอกให้ตายใจ และหากมีการเปิดให้นายทุนเปิดที่ทำการเว็บไซด์หลอกออนไลน์อีกครั้ง พวกเขาก็คงถูกนำไปบังคับทำงานโดยไม่ได้กลับบ้าน