เยาวชนชายเหยื่อกระสุนที่สน.ดินแดง ยังไม่ฟื้นตัว แม่ร่ำไห้หวังปาฏิหาริย์ให้ลูกฟื้น พร้อมจี้ตร. เร่งทำคดี

วันที่ (16 ก.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่โรงพยาบาลราชวิถี มารดาของเยาวชนอายุ 15 ปี ที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงจากเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณหน้าสน.ดินแดง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว หลังจากวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 เดือน ที่ลูกชายตนเองได้รับบาดเจ็บ

น.ส.นิภาพร มารดาของเยาวชนรายนี้ เปิดเผยว่า อาการตอนนี้ ยังทรง ๆ เหมือนเดิม หมอให้ยาเพิ่มเยอะขึ้น และหมอได้ทำการเจาะคอเพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจ อาการยังไม่ดีขึ้น น้องยังไม่รู้สึกตัว ตอนนี้ลูกชายของตนเป็นอัมพาตตั้งแต่แขนลงไปถึงขา ตนยังรับไม่ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้กระสุนก็ยังอยู่ที่ท้ายทอย ยังไม่ได้รับการผ่าออก ซึ่งตอนนี้อาการทรงตัวด้วยฤทธิ์ยาตามแพทย์สั่ง

ด้านแพทย์แจ้งแนวทางการรักษา ด้วยการให้ยาเพิ่มความดัน และยาเพิ่มการเต้นของหัวใจ ตนภาวนาอย่าให้เป็นเจ้าชายนิทรา ณ วันนี้ ร่างกายไม่ปกติ ตนภาวนาขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ทางแพทย์และโรงพยาบาลได้ทำอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวลูกชายว่าจะสู้ได้มากแค่ไหน ซึ่งช่วงหลังมานี้อาการยังทรงตัวและถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไร

"ถ้าร่างกายของลูกขยับไม่ได้ ตนและครอบครัวคิดว่าไม่ใช่ปัญหา ณ ตอนนี้ยังหวังให้ลูกชายฟื้นขึ้นมาอยู่กับเราก็พอ ไม่ว่าสภาพไหนตนก็ยินดี ตนภาสนาทุกวันให้ลูกชายรีบตื่นขึ้นมา แม้จะมีการลืมตาแต่ไม่บ่งบอกว่ารู้สึกตัว ซึ่งตนก็มีกำลังใจ ซึ่งมีโอกาสที่น้องจะฟื้น ซึ่งโอกาสนั้นจะคือเมื่อไหร่แค่นั้นเอง" น.ส.นภาพร มารดาของเยาวชนกล่าว

ในทางคดีความ ตนยังไม่ทราบความคืบหน้า ยังไม่มีตำรวจติดต่อมาทางแม่ มีโทรมาสอบถามข้อมูลเล็กน้อยว่าลูกชายโดนยิง จากนั้นมาก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมา สำหรับในวันนี้ครบ 1 เดือนแล้ว ตนคิดว่าจะแจ้งความคืบหน้าให้เราทราบบ้าง ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่มีตำรวจแจ้งเข้ามา เจ้าหน้าที่ควรทำคดีให้กระจ่างมากกว่านี้ เพราะลูกชายของตนโดนยิงหน้าสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นจุดในบริเวณพื้นของ สน.เลย ตนยืนยันอยากทราบความคืบหน้าและความกระจ่างมากขึ้น 

สำหรับการเยียวยา ตนยังไม่คาดหวัง ตนอยากทราบความกระจ่างให้มากที่สุดว่าใครเป็นคนยิงลูกชายของตน ตนไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว ยังคงทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สำหรับเรื่องผ่ากระสุนนั้น ยังมีหลักฐานกล้องวงจรปิด หรือหลักฐานจากทางสื่อเป็นพยานหลักฐาน การที่ผ่าเอากระสุนออกจึงต้องพิจารณาความปลอดภัยของลูกชายเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้อาจเสี่ยงต่อชีวิต ทาง ตร.จึงควรจะพิสูจน์หลักฐานจากส่วนอื่นก่อน