ต่างประเทศ

อ็อกซฟอร์ดเผยผลวิจัย 'ไฟเซอร์-แอสตราฯ' ป้องกันโควิด 'เดลตา' ลดลง หลังฉีด 2 เข็มไป 3 เดือน

โดย thichaphat_d

20 ส.ค. 2564

1.8K views

มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดเผยผลงานวิจัยพบว่า วัคซีนไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาซึ่งเป็น 2 ชนิดทั่วโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย ให้ผลในการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ได้น้อยลงหลังฉีดเข็มที่ 2 ไปประมาณ 3 เดือน


ผลการศึกษานี้ระบุว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งไปแล้ว แต่กลับมาติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีโอกาสที่จะแพร่ไวรัสสู่บุคคลรอบข้างได้มากกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่นๆด้วย


ผลการศึกษาดังกล่าว ซึ่งอ้างอิงจากการตรวจหาเชื้อทางจมูกและลำคอมากกว่า 3 ล้านตัวอย่างทั่วอังกฤษพบว่า หลังฉีดเข็มที่ 2 ไปแล้วประมาณ 90 วัน ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะลดลงมาเหลือ 75% และ 61% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 85% และ 68% ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการฉีดเข็มที่ 2


นอกจากนั้น ประสิทธิภาพของวัคซีนยังลดลงในกลุ่มประชากรที่อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป มากกว่าผู้ที่อายุต่ำกว่านั้น


แต่กระนั้น แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพลดลง แต่ซาราห์ วอล์กเกอร์ หัวหน้าทีมวิเคราะห์ผลการศึกษา กล่าวว่า “วัคซีนทั้ง 2 ชนิด เมื่อฉีดครบ 2 เข็ม ยังคงมีประสิทธิภาพค่อนข้างดีมากในการป้องกันเชื้อเดลตา


ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยไม่ได้ประเมินต่อว่าระดับการป้องกันจะลดลงมากน้อยแค่ไหนเมื่อระยะเวลาผ่านไป แต่คาดว่าประสิทธิภาพของวัคซีนทั้ง 2 ชนิดนี้จะลดลงมาอยู่ในระดับที่พอๆ กันหลังฉีดเข็ม 2 ไปราว 4-5 เดือน งานวิจัยนี้ยังมีข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับเชื้อสายพันธุ์เดลตา โดยพบว่าผู้ที่ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วจะมีปริมาณไวรัส (viral load) ในร่างกายมากพอๆ กับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนเลย

คุณอาจสนใจ

Related News