จับตา พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ นิรโทษกรรมเหมาเข่ง กลุ่มบริหารจัดการโควิดพลาด?

ประเด็นความพยายามของรัฐบาล ที่จะออกพระราชกำหนดจำกัดความรับผิดของบุคลากรด้านสาธารณสุข ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ซึ่งถูกมองว่า อาจเป็นการนิรโทษกรรมให้กับนักการเมือง หรือข้าราชการระดับสูง ที่ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดในการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับโควิด-19

ข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลเตรียมออกพระราชกำหนดจำกัดความรับผิด สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ถูกกล่าวถึงมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่คือการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งให้คณะบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีนโควิด-19

วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผย ว่า กฎหมายนี้มีเจตนารมณ์ที่จะให้ผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการ การจัดบริการทางแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานโควิด 19 ทั้งหมด ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยไม่ต้องกังวลกับความรับผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเจตนาดีของผู้ปฏิบัติงาน หากเป็นการกระทำโดยสุจริต ไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บุคลากรดังกล่าวก็ไม่ต้องรับผิด รวมถึงหากผู้ที่ได้รับมอบหมายในการเจรจาหรือจัดหาวัคซีน มีเจตนาสุจริต การตัดสินใจดำเนินการเป็นไปตามหลักวิชาการที่สนับสนุนในขณะนั้น กฎหมายนี้จึงเห็นควรให้ความคุ้มครองบุคคลหรือคณะบุคคลเหล่านั้นด้วย

ขณะที่ นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ระบุในเรื่องนี้ว่า การให้สัมภาษณ์ของนายอนุทิน หมายความว่า เอกสารชุดที่เคยถูกเปิดเผยมาก่อนหน้านี้ เป็นเอกสารจริง โดยกำลังจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้จริง โดยเอาแพทย์พยาบาลบุคลากรด่านหน้ามาบังหน้า ทั้งที่ในเอกสารดังกล่าวระบุชัดเจนว่า บุคคลที่จะได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกฟ้องร้อง นอกจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ยังรวมถึงคณะผู้จัดหาวัคซีนด้วย

นอกจากประเด็น การออกพระราชกำหนด ที่ถูกมองว่า เป็นการานิรโทษกรรมแบบเหมารวม หรือเหมาเข่งแล้ว สถานการณ์การติดเชื้อวันนี้ ก็ยังน่าเป็นห่วง วันนี้ ศบค.ได้แถลงยยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 19,603 คน หายป่วยกลับบ้านวันนี้ 19,819 คน จะเห็นว่า ผู้ป่วยใหม่ กับที่หายป่วยกลับบ้าน เริ่มใกล้เคียงกันมาหลายวันต่อเนื่อง

ส่วนที่ยังรักษาตัวอยู่มี 214,421 คน อยู่ในโรงพยาบาล 68,895 คน ,โรงพยาบาลสนาม 145,526 คน อาการหนัก 5,218 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,084 คน

เสียชีวิต 149 คน ผู้เสียชีวิตที่อายุน้อยสุดเพียง 4 เดือน ใน 149 คนนี้ เป็นการเสียชีวิตในบ้าน 26 คน