อุทยานฯกุยบุรีเร่งฉีดวัคซีนลัมปีสกินให้โค-กระบือ พร้อมจับแมลงพิสูจน์พาหะ นำโรคจากสัตว์เลี้ยงสู่สัตว์ป่าได้หรือไม่

สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานฯ ระบุว่าพบร่องรอยโรคลัมปีสกิน ในวัวแดง ที่จังหวัดอุทัยธานี และอยู่ระหว่างติดตามเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ชัด ส่วนที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี นอกจากเร่งฉีดวัคซีนให้โค-กระบือ ตามแนวกันชนเขตอุทยานฯแล้ว ยังวางมาตรการ จับแมลงไปเพื่อพิสูจน์ทราบการเป็นพาหะนำโรคจากสัตว์เลี้ยง ไปสู่สัตว์ป่าว่า ครบวงจรการระบาดหรือไม่

ถึงแม้มาตรการฉีดพ่น ล้างล้อ ก่อนเข้าเขตอุทยานฯ จะเป็นมาตรการที่ถูกปฏิบัติอยุ่แล้ว แต่ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการนี้ขึ้นไปอีก หลังจากพบว่ามีกระทิง 2ตัวที่ตาย ปรากฎร่องรอยบนผิวหนังว่าเป็นโรคลัมปีสกินซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ในสัตว์เท้ากีบในประเทศไทย ส่วนก่อนหน้านี้ระบาดในโค-กระบือมาแล้ว

สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานฯพร้อมปศุสัตว์จังหวัดและเจ้าหน้าที่หลายหน่วยกำลังหาทางสอบสวนโรคและป้องกันไม่ให้ลัมปีสกินระบาดไปสู่กระทิง ซึ่งมีอยู่มากในอุทยานแห่งชาติกุยบุรี กระทั่งพบกระทิงโทน หรือกระทิงป่าเพศผู้ตัวนี้ที่ออกมาหากินลำพังแบบแยกฝูง แต่สัตว์แพทย์ดูภายนอกแล้วไม่พบร่องรอยของโรค

ตอนนี้เจ้าหน้าที่ติดตั้งเครื่องดักจับแมลงไว้ เพื่อนำแมลงวัน เหลือบ ริ้น ที่มาติดกับดักไปพิสูจน์ดูว่า มีเชื้อลัมปีสกินในตัวแมลงพาหะหรือไม่ หลังการวิเคราะห์ร่วมกันแล้ว เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ากระทิง 2 ตัวที่ตาย มีสาเหตุมาจากการต่อสู้กัน แต่มีโรคลัมปีสกินเป็นตัวแปรให้อ่อนแอ ตอนนี้นอกจากที่กุยบุรีแล้วยังมีพื้นที่เตรียมประกาศเป็นพื้นที่เขตห้ามล่าทับเสลา จ.อุทัยธานี ที่ถ่ายภาพร่องรอยโรคบน วัวแดงได้ ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งพิสูจน์เพื่อระงับการระบาดของโรค

ขณะที่กรมปศุสัตว์ส่งวัคซีนเพิ่มจาก 2 พัน เป็น 4 พันโดส ไปฉีดให้โค-กระบือ ที่ตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี ซึ่งชาวบ้านมีอาชีพเลี้ยงทั้งวัวขุนเนื้อ และวัวนม และพบมีวัวติดโรคแล้วเช่นกัน และนี่จะเป็นที่แรกๆ ที่ระดมฉีดในพื้นที่ซึ่งไม่ปรากฏโรครอบอุทยานฯ หวังจะเป็นกันชนให้สัตว์ป่าไม่ให้ติดเชื้อจากสัตว์เลี้ยง