สมาคมโรคติดเชื้อฯ จี้รัฐบาลลดซื้อ 'ซิโนแวค' เพิ่ม 'mRNA' หวังลดการแพร่เชื้อโควิดกลายพันธุ์

สมาคมโรคติดเชื้อฯ จี้รัฐบาลลดซื้อ 'ซิโนแวค' เพิ่มวัคซีน 'mRNA ' หวังลดการแพร่เชื้อโควิดกลายพันธุ์

วันนี้ (30 มิ.ย.64) สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก 'สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย' เกี่ยวกับแนะนำให้รัฐบาลเร่งระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน

หลังจากที่ประเทศไทยประสบปัญหาโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์อินเดีย แพร่ระบาดอย่างหนัก โดยเน้นให้ลดการสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคที่เป็นเชื้อตาย เป็นวัคซีนประเภท mRNA ที่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้ดีกว่า เพื่อลดการแพร่ระบาด โดยมีรายละเอียดระบุว่า

1. นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดว่าไวรัส “สายพันธุ์อินเดีย” จะกลายมาเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดกว้างขวางที่สุด และเป็นสายพันธุ์เด่นทั่วโลก

2. วัคซีนชนิดเชื้อตาย คือ Coronavac (Sinovac) นั้น ไม่มีข้อมูลเรื่องการกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์อินเดีย เนื่องจากวัคซีนนี้ ไม่เคยมีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่ทำอย่างเป็นระบบและรีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการ

3. ข้อมูลประสิทธิภาพของ Sinovac ในประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากช่วงโควิดสายพันธุ์อังกฤษแพร่ระบาด ไม่สามารถเอามาพิจารณาจัดซื้อวัคซีนในรุ่นถัดไป

4. ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการใช้วัคซีนควบคุมการระบาด ล้วนแต่ใช้วัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นเชื้อพาหะทั้งสิ้น อีกทั้งการเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วัน

ด้วยเหตุผลดังกล่าว สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย จึงขอเสนอแนวทางเรื่องวัคซีน

1. รัฐบาลควรเร่งรัดและจัดสรรวัคซีนที่ได้วางแผนซื้อไว้แล้ว ให้มีใช้ในปริมาณที่เพียงพอและรวดเร็วกว่าเดิม เพื่อฉีดให้ประชาชนอย่างเร็วที่สุด

2. เร่งจัดหาวัคซีนชนิด mRNA และวัคซีนที่ใช้ไวรัสเป็นเชื้อพาหะ แทนวัคซีนที่มีเชื้อตายอย่างซิโนแวค

3. รัฐบาลควรวางแผนการจัดหาวัคซีนรุ่นต่อไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ๆ

4. รัฐบาลควรส่งเสริมนักวิจัยหรืออุตสาหกรรมยาในประเทศ เพื่อผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพ ลดการพึ่งพาต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้กับประเทศในระยะยาว