สังคม

ศบค.แบ่งโซนสีใหม่ คลายล็อกนั่งทานในร้านได้ถึง 5 ทุ่ม - แจงแผนจัดสรรวัคซีนเดือน ก.ค. 10 ล้านโดส

โดย panwilai_c

18 มิ.ย. 2564

64 views

มาตรการคลายล็อคของ ศบค.ที่ได้จัดโซนพื้นที่ใหม่ และ ให้กิจการบางประเภทปรับเวลาเปิดปิดการให้บริการได้ มีผล 21 มิถุนายนนี้


ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันนี้อยู่ที่ 3,058 คน แบ่งเป็นจากระบบเฝ้าระวัง 2,044 คน การตรวจเชิงรุก 536 คน จากต่างประเทศ 19 คน และในส่วนของเรือนจำหรือที่คุมขัง 459 คน จนถึงขณะนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 210,782 คน รักษาตัวอยู่ 32,795 คน เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,360 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 378 คน เสียชีวิตเพิ่ม 22 คน


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.ระบุว่า ศบค.ได้เตรียมปรับโซนพื้นที่ใหม่ จากเดิม 3 โซน เป็น 4 โซน คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด หรือ พื้นที่สีเหลืองเข้ามาอีก 1 โซน


โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม ยังเป็น 4 จังหวัดเดิม คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดง จาก 17 จังหวัด เหลือ 11 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสีส้ม จาก 56 จังหวัด เหลือ 9 จังหวัด ส่วนอีก 53 จังหวัดที่เหลือจะไปอยู่ในโซนใหม่ คือ พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง)


มาตรการที่สำคัญ คือ การผ่อนคลายระยะเวลาการเปิดปิดร้านอาหารในพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด จากเดิมเปิดได้ไม่เกิน 3 ทุ่ม เป็น 5 ทุ่ม แต่ร้านที่เป็นห้องแอร์ต้องมีการเว้นระยะห่าง นั่งได้ไม่เกินร้อยละ 50 เท่านั้น และยังคงงดจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน


นอกจากนี้ ศบค. ยังได้ผ่อนคลายสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ให้ยกเว้นไม่ต้องสวมหน้ากากในบางช่วงเวลา หนึ่งในนั้นคือผู้ประกาศข่าว ได้รับการยกเว้นไม่ต้องสวมหน้ากากในขณะที่อ่านข่าว แต่จะต้องมีฉากกั้น เว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตรหรือตามความเหมาะสมโดยมาตรการทั้งหมดจะมีผลในวันที่ 21 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป


นอกจากนี้ ศบค. ยังได้เห็นชอบโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศความเสี่ยงต่ำ และปานกลาง ตามประกาศกรมควบคุมโรค ที่ออกทุก 15 วัน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น ต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 14 วัน และมีเอกสารรับรอง หรือ มีเอกสารการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง และต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้ออีก 3 ครั้งในประเทศไทย คือ วันที่เดินทางมาถึง วันที่ 7 และวันที่ 14 หากตรวจไม่พบเชื้อ จึงเดินทางไปในจังหวัดอื่น ๆ ได้ ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำในจุดนี้ว่า ต้องอยู่ในภูเก็ตให้ครบ 14 คืน แต่หากพักไม่ถึง 14 คืน ต้องเป็นการบินตรงออกนอกประเทศไทยเท่านั้น


หากเริ่มมาตรการแล้ว พบการติดเชื้อรายใหม่เกิน 13 คนต่อวัน หรือ 90 คนต่อสัปดาห์ หรือ มีพื้นที่การติดเชื้อมากกว่า 6 ตำบล ใน 3 อำเภอ รวมทั้งกรณีเตียงรักษาเกินกว่า 80% ก็ต้องกลับมาทบทวน และอาจนำไปสู่การปิดพื้นที่ หรือ ยกเลิกโครงการแซนด์บ็อกซ์ในที่สุด


ส่วนโครงการ Samui Sealed Route หรือ การเปิด 3 เกาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เชื่อมโยงกับการเปิดเมืองภูเก็ต จะเริ่มในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ โดยเมื่อเดินทางถึงสมุย ให้ตรวจหาเชื้อ และมีมาตรการควบคุมเช่นกัน


ขณะที่แผนการกระจายวัคซีนเดือนกรกฎาคม ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่ 10 ล้านโดส โดยจัดสรรให้จังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เช่น พื้นที่ควบคุมสุงสุดและเข้มงวด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี และจังหวัดที่มีแผนเปิดการท่องเที่ยว คือ ภูเก็ต รวมเป็น 5 จังหวัด โดยกรุงเทพมหานคร จะได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างน้อย 5 ล้านโดส จากนั้นจึงเป็นจังหวัดควบคุมสูงสุดและจังหวัดชายแดนรวม 23 จังหวัด


ล่าสุดรายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าได้รับแอสตราเซนเนกาเข้ามาเพิ่มอีก 1 ล้านโดส หลังได้รับก่อนหน้านี้ 6 แสนโดส รวมเป็น 1.6 ล้านโดส ซึ่งคัดแยกและตรวจเรียบร้อย คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 วัน กระจายครบทุกจังหวัด ส่วนการส่งมอบครั้งต่อไปจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้จะมีซิโนแวคอีก 2 ล้านโดสเข้ามาวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ยืนยันเดือนนี้และเดือนหน้าวัคซีนไม่ขาดแคลนแน่นอน สำหรับยอดผู้ฉีดวัคซีนสะสมทั่วประเทศวันนี้อยู่ที่ 7,219,668 โดส แบ่งเป็นเข็มแรกประมาณ 5 ล้าน 2 แสนคน และเข็มที่สองอีกกว่า 1 ล้าน 9 แสนคน

คุณอาจสนใจ

Related News