กทม.คลัสเตอร์ใหม่ผุดอีก 2 แห่ง - ตากใบ พบโควิดแอฟริกาใต้ 3 คน รักษาหายแล้ว

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงพบมากกว่า 3,000 คนต่อวัน โดยในวันนี้ (23 พ.ค.) มีคลัสเตอร์ใหม่อีก 2 คลัสเตอร์ เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร รวมเป็น 30 แห่ง ขณะที่กรมควบคุมโรคได้ยืนยันแล้วว่า ไทยพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ระบาดในคลัสเตอร์ตากใบจริง และมีผู้ติดเชื้อนี้อย่างน้อย 3 คน

นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ผลจากห้องปฏิบัติการเครือข่ายของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พบเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 3 คน จากตัวอย่างเชือ 10 ตัวอย่าง ในคลัสเตอร์ อ.ตากใบ โดยเริ่มจากผู้ป่วยเป็นชายไทย อายุ 32 ปี มีประวัติใกล้ชิดกับภรรยาและลูกที่เดินทางมาจากมาเลเซีย เริ่มป่วยวันที่ 26 เมษายน มีอาการไข้ ปวดเมื่อย ปวดท้อง ต่อมาพบติดเชื้อโควิด จึงรักษาในโรงพยาบาล ขณะนี้รักษาหายแล้ว

จากกรณีนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 698 คน พบมีผู้ติดเชื้อถึง 83 คน ปัจจุบันรักษาหายแล้ว 16 คน อยู่ระหว่างการรักษา 67 คน สุ่มตรวจพบสายพันธุ์แอฟริกาใต้ 3 คน รักษาหายแล้วทั้งหมด เมื่อ 4 พฤษภาคมที่ผ่านมา

และทันที่ที่พบผู้ติดเชื้อก็ได้มีมาตรการควบคุมโรค ปิดการเข้าออกหมู่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ถึงปัจจุบัน ค้นหาเชิงรุกและสอบสวนโรค ผู้สัมผัสเชื้อทุกรายได้กักตัวในสถานกักกันโรคของรัฐ ( Local quarantine ) พร้อมตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC ตากใบ ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และมีแนวโน้มไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม และจะมีการตรวจรหัสพันธุกรรมเชื้อเพิ่มเติม

ขณะที่วันนี้ ศบค.ได้รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวัน 3,382 คน โดยผู้ติดเชื้อในเรือนจำหรือที่ต้องขังเริ่มลดลงเหลือ 460 คน ทำให้จนถึงขณะนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสม 129,500 คน รักษาตัวอยู่ 44,189 คน อาการหนัก 1210 คน ใช้เครื่องช่วยหายใจ 412 คน เสียชีวิตเพิ่ม 17 คน รวมสะสม 776 คน

สำหรับคลัสเตอร์เฝ้าระวังในพื้นที่ กรุงเทพมหานครวันนี้มีเพิ่ม 2 แห่ง คือ ที่บางกะปิ ซึ่งเชื่อมโยงกับที่พีกคนงานก่อสร้าง ซอยรามตำแหง 8 และ อีกคลัสเตอร์ เป็นคลัสเตอร์เดิมที่กลับมาระบาดใหม่ คือ ตลาดสำเพ็ง รวมตอนนี้มี 30 แห่งทั่งกรุงเทพมหานคร

ส่วนคนงานก่อสร้างของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย 570 คน ยังกักตัวภายในแคมป์คนงาน ไม่ได้ถูกนำไปรักษาที่โรงพยาบาล และคนงานในแคมป์อื่นๆอีกประมาณ 130 คน รวมประมาณ 700 คน วันนี้เขตหลักสี่จัดตรวจคัดกรองเชิงรุกเป็นรอบที่ 2 เพื่อตรวจสอบ ว่าไม่มีคนงานรายใดติดเชื้อเพิ่มเติ่ม หลังตรวจครั้งแรกเป็นลบ และครบกำหนดตามระยะเวลาที่สาธารณสุขกำหนดต้องตรวจซ้ำ

พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครระบุถึงมาตรการความปลอดภัยภายในแคมป์คนงานที่ยังเปิดทำงาน โดย กทม. อนุญาตให้ทำงานได้ตามมาตรการควบคุมโรค ไม่ให้ออกจากที่ทำงานและที่พัก (Bubble and Seal) ซึ่งหากพบผู้ป่วยจะทำการคัดแยกและนำส่งโรงพยาบาล ส่วนคนงานที่ไม่ป่วย กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกับกระทรวงแรงงานทำการฉีดวัคซีนให้แก่คนงาน นอกจากนี้จะเร่งตรวจคัดกรอง(swab) คนงานในแคมป์ก่อสร้างในพื้นที่ประมาณ 400 แห่ง คนงานประมาณ 60,000 คน

ขณะเดียวกันวันนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรุงเทพมหานคร ได้ทดสอบระบบจุดฉีดวัคซีนในสถานศึกษา ก่อนเริ่มเปิดให้บริการในวันพรุ่งนี้ ซึ่งที่นี่จะใช้ระบบการฉีดวัคซีนแบบให้ผู้เข้ารับบริการนั่งอยู่ในพื้นที่ฉีดที่จัดแบบมีระยะห่างโดยไม่ต้องลุกไปไหน จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทยอยเดินฉีดวัคซีนให้ตามที่นั่ง ตั้งเป้าฉีดวันละ 1,000 คน

ขณะที่วันนี้ได้ฉีดวัคซีนแก่บุคลากรของมหาวิทยาลัย อายุ 55 - 60 ปี ก่อน จำนวน 1,000 คน และจะทยอยฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรอายุต่ำกว่า 55 ปี จนครบทุกคน ภายในวันพุธที่ 26 พฤษภาคม 2564 จากนั้น จะเป็นกลุ่มของ นิสิต และ ประชาชน

สำหรับผู้ฉีดวัคซีนทั่วประเทศตอนนี้อยู่ที่ 2,865,091 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 1,898,332 คน และ ครบ 2 เข็ม 966,759 คน

โดยจากนี้ได้กำหนดเป้าหมายการฉีดวัคซีนจากนี้ ให้ครอบคลุมจำนวนจากประชากร ราว 50 ล้านคน จาก 72 ล้านคน แบ่งเป็น เดือนมีนาคม-พฤษภาคม จำนวน 2 ล้านคน , เดือนมิถุนายน จำนวน 6 ล้านคน , เดือนกรกฎาคม จำนวน 9.6 ล้านคน , เดือนสิงหาคม จำนวน 9.8 ล้านคน , เดือนกันยายน จำนวน 21.2 ล้านคน ให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ