เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ เผย เด็ก 5 ขวบ เสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของกองทัพ รัฐกะเหรี่ยง

ผ่านมากว่าสามสัปดาห์ หลังกองทัพพม่า เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ บ้านเดปูโน่ รัฐกะเหรี่ยง ประชาชนยังไม่กล้ากลับเข้าบ้านเพราะยังมีเครื่องบินรบและโดรนบินทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง พลเอก บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ยืนยันว่า จะยังต่อสู้และยืนเคียงข้างประชาชน ที่หากต้องการให้ประชาชนปลอดภัย ทางเดียวที่จะสำเร็จ ทุกชาติพันธุ์ต้องร่วมกันโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า

ชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดที่กองอยู่หน้าบ้าน และรถเด็กเล่นที่กองอยู่ริมบันได ท่ามกลางคราบเลือดที่เป็นทางยาว ตั้งแต่ห้องนอนของบ้าน เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่า ในบ้านมีเด็กชาย 5 ขวบเสียชีวิตจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบของกองพม่า เมื่อค่ำวันที่ 27 มีนาคม ส่งผลให้เด็กน้อยที่กำลังนอนอยู่ในห้องกับแม่เสียชีวิตทันที

ขณะที่เพื่อนบ้านนอนอยู่ในเปล ถูกสะเก็ดได้รับบาดเจ็บ ไม่ห่างกันมีบ้านอีกหลังหนึ่ง ถูกระเบิดไฟไหม้เสียหายทั้งหลัง และส่งผลให้เด็กชายวัย 12 ปีเสียชีวิต ส่วนพี่น้องได้รับบาดเจ็บ นี่เป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายจากเหตุโจมตีทางอากาศของกองทัพม่า ในพื้นที่ฐานกองพล 5 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU แต่ความเสียหายกลับเกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งเสียชีวิต 4 คน บาดเจ็บ 7 คน เป็นเด็กถึง 3 คน

อีกหนึ่งคนอายุเพียง 6 ขวบ เสียชีวิต ขณะหลบหนีในร่องน้ำกับยาย ซึ่งบริเวณนั้น มีต้นไม้ใหญ่ แต่ในช่วงเวลาประมาณ 19 นาฬิกาที่เครื่องบินรบพม่ามาทิ้งระเบิด ทำให้ต้นไม่ใหญ่ไฟไหม้และมีหลุมขนาดใหญ่ให้เห็นเป็นร่องรอย

ส่วนบ้านหลังนี้เสียหายจากเหตุระเบิดในวันที่ 28 มีนาคม เครื่องบินรบของทหารพม่า ทิ้งระเบิดลงในบ้านเดปูโน่ แต่กลับสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชน ที่ก่อนหน้านี้ได้อพยพไปในป่า แต่เจ้าของบ้านกลับมาดูข้าวของและสัตว์เลี้ยงในบ้าน จึงเสียชีวิตจากเหตุระเบิดที่ไม่คาดคิด นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของ KNU และถือเป็นการสู้รบครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในรอบกว่า 20 ปี ที่ทหารพม่าใช้การโจมตีทางอากาศอย่างไร้มนุษยธรรมในการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์

บ้านเดปูโน่ว ตั้งอยู่ห่างจากริมน้ำสาละวิน ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทยที่ตำบลเสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร สามสัปดาห์หลังการถูกโจมตีทางอากาศ กลายเป็นหมู้บ้านร้าง ประชาชนอพยพไปอาศัยอยู่ในป่า และริมน้ำสาละวิน ยังไม่กล้ากลับเข้าบ้าน จึงมีเพียงสัตว์เลี้ยง ทั้งไก่ แพะ หมูป่า วัว ควาย และทหารที่ประจำการในกองพล 5 คอยดูแลความปลอดภัยและรักษาฐานที่มั่นที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดของ KNU

พลเอก บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง KNLA สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU เปิดเผยว่า เหตุที่กองทัพพม่า เปิดโจมตีทางอากาศในพื้นที่กองพล 5 เป็นการเตรียมการมาตั้งแต่ 2015 หลังมีการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศ หรือ NCA แม้จะเริ่มกระบวนการสันติภาพ แต่ทหารพม่า พร้อมโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ ที่ไม่ยินยอม เพียงแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม การสู้รบครั้งนี้จึงไม่เกี่ยวกับกรณีที่ กองพล 5 KNU เข้ายึดฐานทหารพม่า

ในวันที่ 27 มีนาคม ไม่เกี่ยวกับกรณีที่ KNU ไม่เห็นด้วยกับการส่งเสบียงข้าวสาร 700 กระสอบให้ทหารพม่าผ่านทางบ้านแม่สามแลบเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และอาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงที่ KNU ประกาศยืนเคียงข้างประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร แต่เป็นเป้าหมายของทหารพม่าให้ KNU วางอาวุธแล้วอยู่ภายใต้ทหารพม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

พล.อ.บอจ่อแฮ ยืนยันว่า จุดยืนของ KNU มีกองกำลังทหารเพื่อเรียกร้องเสรีภาพ ประชาธิปไตย และปกป้องประชาชน แต่กองทัพพม่า มีทหารเพื่อยึดอำนาจจากประชาชน การฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมืองเดปูโน่ การสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้กลับเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างปลอดภัย เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้เกิดขึ้นโดยเร็ว แต่สิ่งนี้จะเกิดไม่ได้ หากไม่สามารถโค่นล้มเผด็จการทหารพม่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกชาติพันธุ์ต้องร่วมมือกัน

ล่าสุดเมื่อวานนี้(23เม.ย) ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงกว่า 500 คนที่อยู่ริมน้ำสาละวินในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน พื้นที่ตำบลแม่คง อ.แม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเด็กและคนชรา ถูกผลักดันให้กลับรัฐกะเหรี่ยงแล้ว โดยอ้างว่าทหารไทยขอให้กลับไปก่อน ในขณะที่ผู้อพยพยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยเพราะล่าสุดในวันที่ 21 เมษายน ยังมีโดรนทิ้งระเบิดในหลายพื้นที่