ประเด็นข่าวรอบวัน 19 เม.ย 64 ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานเพนกวิน ม.112 / 'แรงงานไทย' กลับไทยก่อนวันที่ 21 เม.ย.นี้ / กสทช.กำชับค่ามือถือดูแลสัญญาณรับ WFH

-ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีเพนกวิน ม.112

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คุมตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามนัดศาลตรวจพยานหลักฐานในคดี ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยอมรับว่ามีอุปสรรคในการเข้าหารือกับนายพริษฐ์ เกี่ยวกับการปรึกษาหารือแนวทางการต่อสู้คดี จึงต้องการขอความเป็นธรรมต่อศาลให้เปิดโอกาสให้พูดคุยกับลูกความ นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของนายพริษฐ์ เปิดเผยว่า อาการลูกชายมีอาการวูบ เป็นลม น้ำตาลตก และเลือดไหลออกจากสายน้ำเกลือจึงทำให้เป็นห่วงสุขภาพของลูกชายมาก

-เปิดประตูสู่ไทย 'แรงงานไทย' ตกค้างในมาเลเซียทยอยกลับก่อนวันที่ 21 เม.ย.นี้

ด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ภายหลังเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศเปิดประตูด่านพรมแดนเพื่อเปิดรับกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและวีซ่าขาดหรืออยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดรวมถึงกรณีอาศัยแบบผิดกฏหมาย ทยอยเดินทางกลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นวันแรกที่คนไทยกลุ่มนี้จำนวน 30 คน โดยทางการทั้งสองประเทศจะเปิดให้เดินทางกลับประเทศ 2 วันคือ วันที่ 19 และวันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นมาตรการที่มีผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19 ในมาเลเซีย อย่างต่อเนื่องและก่อนหน้านี้ได้มีการผ่อนผันมาหลายครั้งและให้คนแจ้งความจำนงค์เดินทางกลับประเทศไทยก่อนที่จะทำการผลักดันคนไทยกลับประเทศ

-กสทช.กำชับค่ามือถือดูแลสัญญาณรับ WFH

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.กำชับค่ายมือถือ และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทุกราย ดูแลคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเทอร์เน็ตให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชนจำนวนมากพร้อมๆ กัน ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการขอความร่วมมือทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home รวมถึงการติดต่อสื่อสารจำนวนมากในช่วงโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ โดยได้ขอความร่วมมือให้เพิ่มขีดความสามารถโครงข่าย และดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม โครงข่ายโทรคมนาคม ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา / ขณะเดียวกันให้โอเปอเรเตอร์ทุกราย จัดส่งรถขยายสัญญาณเข้าในพื้นที่โรงพยาบาลสนาม หน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรักษาและควบคุมโรคโควิด-19 ให้พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง

-ความคืบหน้า จนท.ตรวจสอบกะโหลกช้าง

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คุมพาลล่าสัตว์ป่าพร้อมอาวุธ ปืนและเครื่องกระสุนก่อนตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงพบซากช้างป่าตายในร่องห้วยตะนะมา ไม่น้อยกว่า 2 เดือน จากการตรวจร่องรอยและนำกะโหลกช้างไปสแกนโดยละเอียดพบชิ้นส่วนกระสุนฝั่งอยู่ในหัวกะโหลก ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจานสแกนค้นหาในบริเวณพบซากช้างป่าอีกครั้ง พบชิ้นส่วนและหัวกระสุนปืน 54 ชิ้น แยกเป็นกระสุนขนาด AK47 ลูกซองชนิดลูกปราย(9เม็ด) ลูกซองชนิดลูกโดด และหัวกระสุนปืนขนาดไรเฟิล รวม 4 ชนิด คาดถูกกลุ่มพรานรุมยิงจนตายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำไปเรียกทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดในคดีต่อไป