สังคม

ตายายร้อง! หลาน 3 ขวบถูกฉีดยาดับ ผ่านมา 9 ปี คดีไม่คืบ แถมโดนฟ้องกลับอ้างให้การเท็จ

โดย thichaphat_d

31 มี.ค. 2564

193 views

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบนายสุกฤษ เดชะทัดตานนท์ อัยการจังหวัด ประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ติดตามความคืบหน้า กรณีที่นายปองพล และนางทองบาง วงษาชัย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นตายายของน้องหมวย วัย 3 ขวบ


หลังจากไปรักษาที่คลีนิกเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอบุณฑริก โดยผู้ที่รักษาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุขภาพตำบลแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้น้องเสียชีวิต จนถึงปัจจุบันผ่านมา 9 ปี คดียังไม่คืบ และยังไม่เข้าสู่กระบวนการของศาล แถมถูกคู่กรณีฟ้องกลับ จนต้องสู้คดีถึงศาลฎีกายกฟ้อง


โดยนายปองพล เล่าว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 พวกตนได้พาหลานไปรักษาอาการไข้ ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่ง โดยมีนายกร (นามสมมติ) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาแนะนำให้พาหลานไปรักษาที่คลินิกเอกชน ที่ภรรยาของนายกร เป็นผู้รับใบอนุญาตจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ก่อนที่นายกรจะตามมาตรวจพร้อมทั้งแจ้งว่า หลานป่วยลำไส้อักเสบและฉีดยา 1 เข็ม ก่อนอนุญาตให้กลับบ้านได้


ซึ่งระหว่างทาง หลานมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก น้ำลายฟูมปาก ปัสสาวะราดและคอพับ หมดสติ ตนจึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ พาหลานกลับมาที่คลีนิกเอกชนดังกล่าวอีกครั้ง โดยหลานอยู่ในอาการหมดสติ ซึ่งนายกรได้จับขาหลานยกขึ้นให้หัวห้อยลง จนมีน้ำไหลออกมาจากปากและจมูก โดยบอกว่าข้าวเหนียวติดคอหลาน ทั้งที่หลานยังไม่ได้กินอะไรเลย ก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงนำร่างหลานกลับบ้าน


หลังจากนั้นตนได้เข้าแจ้งความและร้องขอความเป็นธรรม ต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ตรวจสอบการรักษา ว่าถูกต้องตามกระบวนการขั้นตอนหรือไม่ โดยทาง สสจ.อุบลราชธานี ได้ตั้งกรรมการสอบพบว่า นายกร เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ไม่มีสิทธิและอำนาจหน้าที่ในการรักษาคนไข้ แต่กลับฉีดยาให้คนไข้จนเสียชีวิต ในเวลาต่อมานายเสริม ชัยณรงค์ ผู้ว่าราชการอุบลราชธานี ในสมัยนั้น ได้มีคำสั่งลงโทษนายกรโดยให้ปลดออกจากราชการ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2557


จากนั้น นายกรได้ส่งคนมาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความ และยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อดำเนินคดีต่อตนเองและภรรยาซึ่งเป็นตายาย ว่าเบิกความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และศาลให้ยกฟ้องในปี 2562 ที่ผ่านมา แต่คดีอาญาได้ส่งต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ


แต่ผ่านมานานกว่า 9 ปีแล้ว คดีที่ตนเป็นผู้เสียหายยังไม่คืบหน้า ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครอบครัวได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อโลงศพ ต้องใช้ฝาบ้านมาทำโลงแทน ส่วนตัวนายกรก็ยังอาศัยอยู่ที่เดิมในหมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่เคยมาสอบถาม หรือเยียวยาครอบครัวแต่อย่างใด จึงตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรมกับนายอัจฉริยะดังกล่าว โดยขณะนี้ ครอบครัวยังไม่เผาศพหลาน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด


ขณะที่ นายอัจฉริยะ ระบุว่า จากการตรวจสอบ นายกรไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม และภรรยาก็เป็นเพียงพยาบาล แต่กลับเปิดคลีนิกได้ ซึ่งขณะนี้ นายกรกลับมารับราชการและเปิดคลินิกเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่านายกรเคยรักษาผู้อื่นจนเสียชีวิตด้วยเช่นกัน


จากการลงพื้นที่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานอัยการได้ทำสำนวนเป็น 2 สำนวน สำนวนแรกเป็นส่วนของผอ.โรงพยาบาลสุขภาพตำบล ที่ฉีดยา เรื่องนี้ส่งให้อัยการศาลทุจริตภาค 3 ซึ่งตนยังไม่เห็นสำนวน แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะครบองค์ประกอบความผิดชัดเจน



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/r3zD4C3yjNw

คุณอาจสนใจ

Related News