ตึงเครียด รัสเซียกล่าวหา ฮ.ยูเครน บินข้ามพรมแดนโจมตีคลังน้ำมัน

สถานการณ์รัสเซียกับยูเครนเมื่อวานนี้ (1 เม.ย.65) เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากรัสเซียออกมากล่าวหายูเครนว่า ส่งเฮลิคอปเตอร์ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดน เข้ามาโจมตีคลังน้ำมันในเมืองเบลโกร็อด ของรัสเซีย ซึ่งอยู่ติดกับยูเครน ทำให้เกิดระเบิดอย่างรุนแรง หลายฝ่ายเกรงว่า เหตุดังกล่าวจะส่งผลต่อการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบ

รอยเตอร์สเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งใกล้คลังน้ำมันในเมืองเบลโกร็อด (Belgorod) ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนยูเครน 35 กิโลเมตร จะเห็นขีปนาวุธถูกยิงเข้ามา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัสเซียเผยว่า เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำของยูเครน ได้ยิงขีปนาวุธข้ามพรมแดนเข้ามาโจมตีคลังน้ำมันดังกล่าวทำให้เกิดลูกไฟขนาดใหญ่ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซียกล่าวว่า เหตุโจมตีดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาสันติภาพของรัสเซียกับยูเครน นับเป็นครั้งแรกที่รัสเซียกล่าวหาว่า ยูเครนใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเข้ามาในอาณาเขตของรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวว่า เขายังไม่สามารถยืนยัน หรือปฏิเสธรายงานดังกล่าวได้ ตอนนี้เขายังไม่ได้รับข้อมูลในเรื่องนี้

ในส่วนความคืบหน้าการถอนทหารรัสเซียออกจากพื้นที่โดยรอบของกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิกอฟ (Chernihiv) ทางเหนือของยูเครน เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจบนโต๊ะเจรจา ล่าสุดมีภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่า รัสเซียได้นำยานยนตร์และอุปกรณ์ทางทหารถอนกำลังออกไปจากสนามบินอันตอนอว์ (Antonov) ใกล้กับเมืองฮอสตอแมล ใกล้ชานกรุงเคียฟแล้ว ซึ่งยานยนตร์และอุปกรณ์ทางทหารนี้รัสเซียถอนกลับไปยังเบลารุส

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า แม้จะถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยรอบกรุงเคียฟ แต่มีรายงานว่า กองกำลังรัสเซียยังกลับไประดมโจมตีเมืองท่าทางใต้ที่เมืองโอเดสซา

ขณะที่ในวันนี้ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน กล่าวว่า สถานการณ์ทางภาคตะวันออกของยูเครนยังคงตึงเครียด รัสเซียเตรียมพร้อมโจมตีครั้งใหม่ในภูมิภาคดอนบาสและเมืองคาร์คีฟ และยูเครนต้องเตรียมพร้อมรับมือ ในขณะที่การถอนทหารรัสเซียในพื้นที่ทางเหนือ ยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ซึ่งยูเครนจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

ขณะที่สถานการณ์ในเมืองมารีอูโปล เมืองที่ถูกโจมตีจนได้รับความเสียหายกว่า 90 เปอร์เซนต์ และยังมีชาวยูเครนจำนวนมากติดค้างในพื้นที่ เมื่อวานนี้สภากาชาดได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถบัส 54 คัน เพื่อเตียมเข้าไปอพยพประชาชนออกจากเมืองดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ทั้งกองกำลังรัสเซียและยูเครนได้ยินยอมเปิดเส้นทางเพื่อมนุษยธรรมที่มารีอูโปลอีกครั้ง