“การมีนายพลมากขึ้นไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จ” รมว.กลาโหมสหรัฐฯ สั่งปฏิรูปกองทัพ ลดนายพล 20%

รมว.กลาโหมสหรัฐฯ สั่งปฏิรูปกองทัพ ลดนายพล 20% ชี้จำนวนนายทหารระดับสูงมีมากเกินความจำเป็น ลั่นมีนายพลมากขึ้นไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จ

นายพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สั่งปฏิรูปกองทัพ ลดนายทหารระดับ 4 ดาวซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดในกองทัพลง 20% สร้างความสะเทือนอย่างมากให้กับกระทรวงฯ ในช่วงเริ่มต้นของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์

นายเฮกเซธ ให้เหตุผลว่าการปรับลดครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วยการลดนายพลในกองกำลังพิทักษ์ชาติ (National Guard) 20% และลดนายพล/นายทหารเรือระดับสูงทั่วทั้งกองทัพอีก 10% มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความพร้อมทางยุทธศาสตร์ให้สูงสุด ไม่ใช่การลงโทษใคร

เฮกเซธกล่าวในวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงบนแอปพลิเคชัน X ว่า “การมีนายพลและนายทหารเรือมากขึ้นไม่ได้นำไปสู่ความสำเร็จ” พร้อมยืนยันว่าได้ทำงานร่วมกับคณะเสนาธิการร่วมในเรื่องนี้แล้วและเป้าหมายคือ "การเพิ่มความพร้อมทางยุทธศาสตร์ให้สูงสุด"

การตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากเฮกเซธเคยประกาศจุดยืน ตั้งแต่ระหว่างการพิจารณารับรองตำแหน่งว่าขนาดของกองทัพไม่สัมพันธ์กับชัยชนะในสนามรบ จำนวนนายทหารระดับสูงของกองทัพนั้นมีมากเกินความจำเป็น

ตั้งแต่รับตำแหน่ง เขาได้ปลดผู้บัญชาการระดับสูงแล้วหลายคน ทั้งประธานคณะเสนาธิการร่วม, ผู้บัญชาการทหารเรือสูงสุด และผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) พร้อมขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงของรัฐบาลชุดใหม่ และยกเลิกโครงการส่งเสริมความหลากหลาย ซึ่งเขามองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ

อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวเผชิญเสียงวิจารณ์ทันทีจากวุฒิสมาชิก แจ็ค รีด จากพรรคเดโมแครตที่ทำงานในคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา ซึ่งแสดงความกังขาและกล่าวหาเฮกเซธว่ามีประวัติปลดผู้นำทหารโดยพลการ

ขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าตำแหน่งใดจะถูกตัดลดบ้าง แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจมีการยุบรวมหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดูแลพื้นที่ต่างๆ ของโลกด้วย เช่น การรวมกองบัญชาการแอฟริกา (AFRICOM) เข้ากับกองบัญชาการยุโรป (EUCOM) หรือการรวมกองบัญชาการใต้ (SOUTHCOM) ซึ่งรับผิดชอบปฏิบัติการในอเมริกากลางและใต้ เข้ากับกองบัญชาการเหนือ (NORTHCOM) ซึ่งจะช่วยลดตำแหน่งนายพลสี่ดาวลงได้