ยูเอ็น เผย พบยาบ้าถูกยึดในอาเซียนและเอเชียตะวันออกกว่า 1 พันล้านเม็ดเป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา

สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุในรายงานว่ายาบ้าจำนวนทั้งหมด 1,008 ล้านเม็ด เป็นส่วนหนึ่งของการยึดเมทแอมเฟตามีนทุกรูปแบบเกือบ 172 ตัน และเพิ่มสูงขึ้นจาก 10 ปีที่แล้วถึง 7 เท่า


ทั้งนี้ ยาเสพติดเป็นส่วนใหญ่ถูกบริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังมีการส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย, ฮ่องกง, เกาหลี และญี่ปุ่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออก อีกทั้ง ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นในเอเชียใต้


นายเจเรมี ดักลาส (Jeremy Douglas) ตัวแทนของ UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การผลิตและการค้ายาบ้าเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากความต้องการที่หนาแน่นในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ที่เชื่อมต่อระหว่างสามประเทศ คือ ไทย, ลาว, และเมียนมา


รายงานดังกล่าวยังบอกอีกว่า การผลิตที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคายาบ้าถูกลง และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งสร้างความเสี่ยงให้กับผู้คนและชุมชนของพวกเขาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย


นอกจากนี้ UNODC ยังระบุอีกว่า ปัญหาทางการเมืองและความไม่ใส่ใจในปัญหานี้ ทำให้องค์กรอาชญากรรมมีช่องทางในการผลิตและขายยาเสพติดให้กับประชากรวัยหนุ่มสาวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่เมียนมา นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา ก็ทำให้การผลิตยาเสพติดในเมียนมาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการผลิตยาเสพติดในเมียนมา มักมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่บางครั้งก็มีการสู้รบกับรัฐบาล และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ด้วยกันเอง


โดยนายดักลาสกล่าวว่า แม้ทุกกลุ่มปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการผลิต ค้ายาเสพติด และกล่าวโทษกันเอง แต่ยาเสพติดก็เป็นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจในหลายพื้นที่ของรัฐฉาน และบริเวณชายแดนหลายแห่งของเมียนมา


รายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า ลาว เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการค้ายาเสพติดจากเมียนมามากที่สุด ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานการจับยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดยาบ้าได้มากกว่า 55.6 ล้านเม็ด รวมถึง ยังมียาไอซ์อีก 65 ถุง