ญี่ปุ่นติดตั้งประตูคุมจำนวนนักปีนภูเขาไฟฟูจิ-การท่องเที่ยวญี่ปุ่นคนเที่ยวพุ่ง 60%

ทางการญี่ปุ่นติดตั้งประตูควบคุมฝูงชนบนทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ  ก่อนที่ฤดูกาลแห่งการปีนเขาจะเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เพื่อหวังควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ผู้ว่าการจังหวัดยามานาชิซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ตั้งของภูเขาไฟสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นแห่งนี้มองว่า ยังต้องมีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้มีคนมาปีนเขามากเกินไป ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี

ประตูนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฎชุดใหม่ที่จังหวัดยามานาชิประกาศใช้งานในปีนี้เพื่อจัดการกับปัญหาความแออัดยัดเยียดของผู้คน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาด้านความปลอดภัยบนภูเขาไฟฟูจิที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ประตูใหม่นี้จะปิดทางขึ้นเขาระหว่างเวลา 16.00 น.และ 03.00 น. เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองที่พักในกระท่อมที่ข้างเส้นทางขึ้นยอดเขาสำหรับนอนค้างคืนเข้ามาในพื้นที่ตามเวลาดังกล่าว  ซึ่งภายใต้นโยบายนี้ ทางการตั้งใจจะควบคุมจำนวนนักปีนภูเขาไฟฟูจิไม่ให้เกิน 4,000 คนต่อวัน

จากนี้ไป ผู้ที่ต้องการปีนขึ้นภูเขาไฟฟูจิต้องทำการจองการปีนเขาและเลือกว่าจะปีนเขาในช่วงกลางวัน หรือจะค้างคืนที่กระท่อมซึ่งตั้งอยู่ตามแนวทางเดินขึ้นเขาซึ่งนักปีนเขาใช้เป็นที่พักผ่อน นอกจากนั้น แต่ละคนต้องชำระค่าธรรมเนียมปีนเขา 2,000 เยน (ราว 465 บาท) และสามารถเลือกบริจาคเงิน 1,000 เยน (ราว 233 บาท) เพื่อช่วยงานด้านอนุรักษ์ได้ด้วย

เมื่อชำระค่าธรรมเนียมแล้ว นักปีนเขาจะได้รับคิวอาร์โค้ดที่จะถูกส่งไปยังมือถือเพื่อใช้สแกนที่ประตูขึ้นเขาซึ่งตั้งอยู่ที่พิกัดครึ่งทางจากตีนเขาถึงยอดเขาซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ สถานีที่ 5 และเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินเขาโยชิดะ

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ เกียวโดนิวส์ รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่นยังคงติดลมบนอย่างต่อเนื่องโดยในเดือนพฤษภาคมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าในประเทศทั้งสิ้น 3.4 ล้านคน ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 60.1% จากปีก่อน และมีปริมาณเกิน 3 ล้านคน เป็นเดือนที่สามติดต่อกัน ด้วยปัจจัยค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวไปเยือน โดย นักท่องเที่ยวที่มากที่สุดคือ เกาหลีใต้  ตามาด้วยจีน และไต้หวัน