คนทยอยหนีลอนดอน หวั่นรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ หลังคนติดโควิดรายวันทะลุ 8 หมื่น

สถานการณ์การระบาดของโควิดในอังกฤษเข้าสู่ภาวะวิกฤต หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในประเทศพุ่งทะลุถึง 88,376 คนใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่วันก่อนหน้านั้น ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 78,610 คน ทุบสถิติเดิมที่ 68,053 คนเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2564

จำนวนตัวเลขดังกล่าว ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงที่สุดในรอบกว่า 11 เดือน และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่เผชิญหน้ากับโรคระบาดใหญ่ ส่งผลให้ยอดสะสมเพิ่มขึ้นทะลุ 11 ล้านคน อยู่ที่ 11,097,851 คนแล้ว และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 146,937 คน

ทางด้าน ศาสตราจารย์ คริส วิธตี หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ กล่าวว่าประเทศกำลังประสบกับการระบาดคู่ของสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและสายพันธุ์เดลตาที่ยังลุกลาม และต้องยอมรับความจริงว่าอัตราการป่วยจะทุบสถิติอีกในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะการติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

วิธตี  ยังเตือนด้วยว่า สำหรับการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นั้น คนทั่วไปควรตระหนักด้วยตัวเองว่าอะไร ควรทำ และไม่ควรทำ เพื่อป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของโควิด พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนเข้ารับการตรวจหาเชื้อก่อนทำกิจกรรมกับส่วนรวมหรือพบปะบุคคลที่มีความเปราะบาง เช่น ผู้สูงวัย และควรอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดีหรือกลางแจ้งถ้าเป็นไปได้

ขณะที่ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ แถลงว่าสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกคนจะได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และเตือนว่าบางพื้นที่ จะมีอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในช่วงเวลาแค่ 2 วัน

ขณะเดียวกัน เดลี เมลล์ รายงานว่า ชาวลอนดอน ต่างพากันเดินทางออกจากเมืองหลวงแห่งนี้เพื่อกลับภูมิลำเนาเร็วขึ้นก่อนถึงคริสต์มาส เนื่องจากหวั่นเกรงว่า รัฐบาลอาจจะงัดมาตรการล็อคดาวน์กลับมาใช้อีกครั้ง เนื่องจากผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ในขณะนี้ในกรุงลอนดอนเริ่มร้างราผู้คน ถนนหนทางโล่งอย่างผิดหูผิดตา