ต่างประเทศ

นักวิเคราะห์ชี้ 'แฮร์ริส' แพ้แม้ความนิยมพุ่ง เหตุสู้ศึกช่วงศก.ซบเซา สลัดเงา 'ไบเดน' ไม่พ้น

โดย nut_p

7 พ.ย. 2567

132 views

โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมจะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะบริหาร หลังคว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่วน รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้ออกมาแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ถึงสาเหตุที่ทำให้แฮร์ริสต้องแพ้เลือกตั้งในครั้งนี้



ทรัมป์ หวนกลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง หลังจากคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างถล่มทลาย เมื่อวานนี้ โดยได้รับความวางไว้วางใจจากชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน ซึ่งต้องการให้เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนที่รณรงค์หาเสียง ว่าจะทำให้อเมริกันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยมองข้ามจุดด่างพร้อยของทรัมป์ ที่ถูกฟ้องร้องหลายคดีจากปลุกเร้าผู้สนับสนุน บุกอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม ปี 2021 อีกทั้งคดีฐานปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจ รวมไปถึงถ้อยคำที่ดุดดันสร้างความแตกแยกทางสังคมมาก่อน



การที่ ทรัมป์ ให้ความสำคัญกันนโยบายทางเศรษฐกิจในประเทศ แก้ปัญหาเงินเฟ้อ และผู้อพยพผิดกฎหมายอย่างแข็งกร้าว ทำให้โดนใจผู้ลงคะแนน โดยเฉพาะในรัฐสมรภูมิ ที่มีความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจ และ ปากท้อง และ จำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายที่ไหลทะลักเข้ามาแย่งงาน จึงทำให้ คะแนนเทไปที่ทรัมป์ มากกว่า แฮร์ริส



จากการคาดการณ์ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯของสำนักข่าวเอพี ทรัมป์ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 295 คะแนน ส่วน แฮร์ริส ได้ 226 ขณะที่ คะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศ ทรัมป์ สามารถกวาดคะแนนเสียง 72,623,882

เสียง หรือคิดเป็นร้อยละ 50.9 ขณะที่ แฮร์ริส ได้ 67,927,989 เสียง หรือ ร้อยละ 47.6 โดยทรัมป์ มีคะแนนมากกว่า แฮร์ริส ถึง 5 ล้านเสียง



ทั้งนี้ ทรัมป์สามารถกวาดคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง 93 คะแนน ในรัฐสมรภูมิได้ทั้ง 7 รัฐ ได้แก่ รัฐ วิสคอนซิน , มิชิแกน, เพนซิลเวเนีย, เนวาดา, แอริโซนา, นอร์ธ แคโรไลนา และจอร์เจีย โดยที่ เนวาดา ทรัมป์มีคะแนนทิ้งห่างจากแฮร์ริส เกือบ 5 จุด



ส่วนการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น คาดต้องใช้เวลาหลายวัน แต่ดูเหมือนว่า พรรครีพับลิกัน มีโอกาสที่จะกลับมาครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ล่าสุด พรรครีพับลิกัน ได้ที่นั่งในสภาสูง 52 ที่นั่ง ส่วนพรรคเดโมแครต 42 ที่นั่ง



ส่วนการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน ได้ที่นั่งในสภาแล้ว 206 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเดโมแครต อยู่ที่ 191 ที่นั่ง หากพรรครีพับลิกัน สามารถครองเสียงข้างมากได้ทั้งสภาสูงและสภาล่าง ก็จะทำให้พรรครีพับลิกัน มีอำนาจที่ทรงพลังในการบริหารประเทศ



ขณะที่ คามารา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี และ ตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ได้ปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุน ที่มหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยเธอกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนที่เชื่อมั่นในตัวเธอ พร้อมกับยอมรับความพ่ายแพ้ให้แก่ทรัมป์ และขอให้ผู้สนับสนุนยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมาด้วย โดยก่อนหน้านี้ แฮร์ริส ได้โทรศัพท์ แสดงความยินดีกับทรัมป์ ที่ชนะเลือกตั้งแล้ว และช่วยเขาและคณะทำงาน ดำเนินกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้เป็นไปอย่างราบรื่น



สำหรับ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เบื้องต้นที่ออกมา ดูเหมือนจะมีความสวนทางกับผลสำรวจความนิยมในตัวผู้สมัครในรัฐสมรภูมิ โดยก่อนการเลือกตั้ง ผลสำรวจคะแนนนิยมจะชี้ว่า แฮร์ริส มีคะแนนนำทรัมป์ในอย่างน้อย 3 รัฐสมรภูมิ แต่ผลที่ออกมาปรากฏว่า แฮร์ริส แพ้ทั้ง 7 รัฐ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่า แฮร์ริส ต้องสู้ศึกเลือกตั้ง ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และคะแนนนิยมที่ต่ำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งตัดสินใจถอนตัวเลือกตั้งอีกสมัย เพื่อเปิดทางให้แฮร์ริสกลางคันระหว่างการหาเสียง



นอกจากนี้ แฮร์ริส ยังต้องต่อสู้ดิ้นรนอีกยุคหนึ่งของทรัมป์ ท่ามกลางกระแสข่าวปลอม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในยุคสมัยใหม่ ซึ่งเกิดกระแสข่าวปลอมเกี่ยวกับ ประวัติการทำงานของเธอ ที่ตีแผ่โดยเว็บไซต์และสื่อฝั่งขวาจัด และอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้แฮร์ริสพ่ายแพ้ นักวิเคราะห์มองว่า เป็นเพราะแฮร์ริสไม่สามารถปลดแอกตัวเองจากประธานาธิบดี ไบเดน ซึ่งไม่เป็นที่นิยมได้ ที่สำคัญไม่สามารถโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เชื่อว่า เธอสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชาวอเมริกันต้องการได้ โดยเฉพาะความวิตกกังวลทางเศรษฐกิจ



ส่วนความเคลื่อนไหวของ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ ล่าสุด โฆษกของทีมหาเสียงของทรัมป์ ได้เปิดเผยว่า ทรัมป์ เตรียมที่จะพบกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว เร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ จากคณะบริหารภายใต้การนำของไบเดน จากพรรคเดโมแครต สู่คณะบริหารชุดใหม่ของทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ขณะที่ ทรัมป์ ก็เตรียมที่จะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่จะมาดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีแล่ว ในอีกไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

คุณอาจสนใจ

Related News