จับตา รัสเซีย เคลื่อนอาวุธนิวเคลียร์ไป เบลารุส

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ออกมายืนยันเป็นครั้งแรก ในระหว่างการปประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในนคร เซนท์ ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียได้ส่งหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีพิสัยใกล้ไปยังเบลารุส ซึ่งเป็นการนำหัวรบนิวเคลียร์ออกนอกประเทศเป็นครั้งเเรก ตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต



การเคลื่อนอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการเตือนบรรดาชาติตะวันตก ว่า ไม่มีใครสามารถนำความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์ให้กับรัสเซียได้ ซึ่งการดำเนินการเคลื่อนอาวุธนิวเคลียร์ ในเบลารุสจะเสร็จสิ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีปูติน เผยว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่รัสเซีย จะใช้อาวุธในตอนนี้ แต่รัสเซียสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ในทางทฤษฎี หากมีภัยคุกคามต่อดินแดนรัสเซีย



ส่วนสถานการณ์สู้รบยูเครน ประธานาธิบดีปูติน มองว่า กองกำลังยูเครน จะขาดแคลนยุทโธปกรณ์ในเร็วๆนี้ ซึ่งทำให้จะต้องพึ่งพายุทโธปกรณ์จากชาติตะวันตก



-สำหรับอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี เป็นหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็ก ใช้โจมตีในพื้นที่ที่เป็นสนามรบ หรือจำกัดการโจมตี ถูกออกแบบมาเพื่อทำลายเป้าหมายศัตรูในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดกัมมันตภาพรังสีที่กระจายไปทั่ว



สำหรับ เบลารุส เป็นชาติพันธมิตรสำคัญของรัสเซีย ซึ่งเป็นฐานยิง ให้กับรัสเซีย ในช่วงที่รัสเซีย เปิดปฎิบัติการทางทหารรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว



ขณะที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก้ ของเบลารุส ได้กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า เบลารุสจะไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย หากประเทศของเขาถูกรุกราน



ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาวิพาษก์วิจารณ์ในเรื่องนี้เช่นกัน แต่นาย แอนโธนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ ที่บ่งชี้ว่ารัสเซีย กำลังวางแผนที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตียูเครน และฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับแผนด้านนิวเคลียร์ แต่ก็ยังคงจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง



ขณะที่บรรดาผู้นำชาติแอฟริกา ที่เพิ่งเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของยูเครน เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภารกิจสร้างสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน มีกำหนดที่จะพบปะกับประธานาธิบดีปูติน ที่นครเซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก ในวันนี้ ซึ่งประธานาธิบดีซิริล รามาโฟซาของแอฟริกาใต้ ได้ออกมาเรียกร้องให้ รัสเซีย และ ยูเครน ลดความตึงเครียด และ เปิดการเจรจา เพื่อนำไปสู่สันติภาพ