'ไบเดน' เตรียมหารือ 'สี จิ้นผิง' ยุติวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน

กว่า 3 สัปดาห์ของสถานการณ์สู้รบในยูเครน กองกำลังของรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่องในหลายเมือง โดยมีท่าทีล่าสุด จากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เตรียมหารือผ่านทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน เพื่อหาทางคลี่คลายวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครน และบทบาทของจีน หลังสหรัฐฯ กังวลว่าจีนจะให้ความช่วยเหลือรัสเซียในการรุกรานยูเครน



ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จะต่อสายโทรศัพท์พูดคุยกับ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันนี้ เวลา 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือ 20 นาฬิกา ตามเวลาของไทย ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรักษาช่องทางการสื่อสาร ระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน เกี่ยวกับปฎิบัติทางทหารของรัสเซีย ในการรุกรานยูเครน รวมทั้งการแข่งขันด้านเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศ



ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ส่งสัญญาณว่า ประธานาธิบดีไบเดน จะเตือนประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง โดยตรง ที่กำลังพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางทหารกับรัสเซีย และผู้นำสหรัฐฯ อาจใช้โอกาสนี้เตือนจีนว่าจะต้องรับผิดชอบ หากช่วยเหลือรัสเซียจากการถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ นับเป็นครั้งแรกที่สองผู้นำชาติมหาอำนาจ พูดคุยกันโดยตรง นับตั้งแต่ รัสเซีย ส่งกองกำลังทหารเข้ารุกรานยูเครน กว่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา



ซึ่งรัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตีในหลายเมืองของยูเครน โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองกำลังของรัสเซียเปิดฉากยิงขีปนาวุธใส่โรงซ่อมบำรุงเครื่องบิน ใกล้กับสนามบินในเมืองลวิฟ (Lviv) ทางตะวันตกของยูเครน รายงานระบุว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้นทั้งหมด 3 ครั้ง และเกิดไฟไหม้ มีกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเห็นได้ชัด



นายกเทศมนตรีเมืองลวีฟ เปิดเผยว่า การโจมตีสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับอาคาร แต่โชคดีที่โรงงานแห่งนี้ปิดทำการมาแล้วหลายปี ทำให้ขณะเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ด้านใน จึงไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ด้านทางการยูเครนออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขีปนาวุธที่กองทัพรัสเซียยิงถล่มในเมืองแห่งนี้เป็นขีปนาวุธร่อนที่ยิงมาจากทะเลดำ



ทั้งนี้ เมืองลวีฟ เป็นเมืองทางตะวันตกของประเทศที่อยู่ติดกับพรมแดนของโปแลนด์ และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของชาวยูเครนที่หลบหนีการสู้รบ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองกำลังของรัสเซียขยายการสู้รบมาในพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศมากขึ้น



ขณะที่เมืองคาร์คีฟ เกิดเหตุไฟไหม้ที่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง หลังจากถูกกองกำลังของรัสเซียโจมตี มีรายงานว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังเร่งดับไฟที่ลุกไหม้อย่างหนัก กองกำลังของรัสเซียได้ยิงโจมตีครั้งที่ 2 ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีก 1 คน



ส่วนที่เมืองมาริอูโปลก็ยังคงถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สภาเมืองมาริอูโปล โพสต์ข้อความใน Telegram ระบุว่า สถานการณ์ อยู่ในขั้นวิกฤติ โดยกองกำลังรัสเซีย ทิ้งระเบิด ราว 50 ถึง 100 ลูก ใส่เมืองทุกวัน นับตั้งแต่เริ่มปิดล้อมเมือง กว่า 3 สัปดาห์ จากการประเมินเบื้องต้น พบว่า พื้นที่พักอาศัยของประชาชนในเมือง ร้อยละ 80 ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ถูกโจมตีไม่เหลือซาก



ขณะเดียวกัน ที่กรุงเคียฟ ก็เกิดเหตุโจมตีอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในย่านโปดิล (Podil) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเคียฟ มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถอพยพผู้ที่อาศัยอยู่ภายในอาคารดังกล่าวออกมาได้เกือบ 100 คน



ขณะเดียวกันวันนี้ นายโอเล็กซานเดอร์ ไลซัค อุปทูตยูเครนประจำประเทศไทย แถลงสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ห้องประชุมโรงแรมคอนราด โดยนายโอเล็กซานเดอร์ กล่าวขอบคุณไทย ที่ให้การสนับสนุนยูเครน เพื่อนำไปสู่ความสงบสุข โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็น 1 ใน 141 ประเทศ ลงคะแนนเสียงสนับสนุนในการสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานทางทหารต่อยูเครน และภาคประชาชน มีการบริจาคเงิน เกือบ 7 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนสันติภาพในยูเครน



นายโอเล็กซานเดอร์ กล่าวว่าทหารรัสเซียได้โจมตียูเครน การจู่โจมทางอากาศ และขีปนาวุธ สังหารพลเรือน และทำลายโครงสร้างพื้นฐาน การกระทำของรัสเซียเป็นการรุกรานตามบทบัญญัติของมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ถือเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ที่เปิดตัวโดยรัสเซีย ไม่ใช่ความขัดแย้ง หรือปฏิบัติการพิเศษใดๆ อุปทูตยูเครน กล่าวทิ้งท้ายสั้นๆ ย้ำว่า "ยูเครนยังคงสู้ต่อไปและเราจะชนะ"