รพ.-ตำรวจ แจงวิสามัญหนุ่มคลั่งในโรงพยาบาล ด้านพยาบาลเผยนาทีหนีตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีที่นายอภิชัย อายุ 26 ปี เสียชีวิตจากเหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เข้าระงับเหตุ หลังผู้ตายได้เข้ามารักษาตัวด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และนอกพักฟื้นอยู่ภายในห้องผู้ป่วยรวม โรงพยาบาลสุรินทร์ อาคาร 9 ชั้น 4 ก่อนจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธขวานจากที่เก็บไว้เป็นอุปกรณ์ดับเพลิง และเสาน้ำเกลือ ไล่ทำร้ายผู้ป่วย, ญาติผู้ป่วยอื่น และทรัพย์สินทางราชการ ตำรวจสายตรวจสองนายจึงเข้าระงับเหตุและผู้ก่อเหตุถูกยิงเสียชีวิต ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น


ที่ห้องประชุม สภ.เมืองสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ. ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ พร้อมด้วยรองผู้บังคับการฯ ได้เรียกพ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมกับนายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรของโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องและอยู่ในเหตุการณ์ เข้าประชุมเพื่อสอบสวนและตรวจสอบรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จากนั้นจึงได้ให้ทุกฝ่ายให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ที่มารอทำข่าว


พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ. ผบก.ภ.จว.สุรินทร์ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุร้อยเวร 20 พร้อมด้วยสายตรวจ 2 สาย เข้าไปยังที่เกิดเหตุที่โรงพยาบาลสุรินทร์ โดยสายตรวจสาย 2 ได้ไปยังอาคาร 9 ส่วน 20 พร้อมพลขับได้ไปยังอาคาร 11 ชั้น 1 ตึกจิตเวช โดยที่ชั้น 9 เจ้าหน้าที่พบผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ในมือมีขวาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผจญเพลิง ซึ่งติดตั้งไว้ที่ติดตั้งไว้ที่โรงพยาบาล โดยถืออาวุธที่มือด้านขวา มือด้านซ้ายถือเสาสายน้ำเกลือ สายตรวจทั้ง 2 นายก็ได้ดำเนินการตามยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกฝนมา โดยได้มีการเจรจาให้ผู้ก่อเหตุลดและวางอาวุธ เพื่อจะให้อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้


ปรากฎว่าการเจรจาไม่เป็นผล ผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการที่คลุ้มคลั่งไม่รับฟังและได้ตรงเข้ามาหาสายตรวจทั้ง 2 นาย ซึ่งจริงๆ แล้วมีสายตรวจยืนแบ็กอัพอยู่ข้างหลังอีก 2 นาย และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหัวหน้าตึกอยู่ที่ด้านหลังอีกประมาณ 20 นาย


โดยผู้ก่อเหตุได้ตรงเข้ามาหาสายตรวจแล้วจะใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงถอยแล้วก็ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงลงพื้นก่อน 1 นัด เพื่อที่จะให้ชายที่คลุ้มคลั่งอาละวาดหยุด และลดอาวุธตามที่สั่ง แต่ปรากฏว่าผู้คลุ้มคลั่งก็ยังไม่หยุด จึงได้ตัดสินใจยิงเข้าไปที่บริเวณขาก่อนแล้วไล่มาโดนแขน สุดท้ายก็มาโดนที่ลำตัวจึงล้มลง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมและช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ซึ่งขณะนั้นทางหัวหน้าตึกและทีมแพทย์พยาบาลก็เร่งเข้าช่วยเหลือ แต่ผู้ก่อเหตุก็ทนบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา


สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ ผู้ก่อเหตุคลุ้มคลั่งจนตำรวจจำเป็นจะต้องใช้อาวุธประจำกายในการที่จะระงับยับหยั่งภัยอันตราย ซึ่งอาจจะทำให้ตัวเองเกิดความอันตรายถึงชีวิต เพราะขวานนั้นเป็นขวานขนาดใหญ่ ก่อนหน้านั้นผู้ก่อเหตุพยายามเข้าไปทำร้ายร่างกายคนป่วย ซึ่งในนั้นมีผู้ป่วยอยู่จำนวนมาก แล้วยังเป็นผู้ป่วยที่สูงอายุมากถึง 80 ปี และผู้ป่วยติดเตียง


นายแพทย์ชวมัย สืบนุการณ์ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางกระทรวงสาธารณสุข โดยปลัดกระทรวงและผู้บริหาร รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเสียใจต่อผู้สูญเสียด้วย รวมทั้งผู้ทำหน้าและปฏิบัติทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและบุคลากรของโรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งเคสที่มีปัญหาคือที่เกิดเหตุที่อาคาร 9 โดยเป็นเคสที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอำเภอจอมพระด้วยอาการไส้ติ่งอักเสบ เป็นผู้ป่วยที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งการผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วให้พักที่อาคารศูนย์รวมก่อน


โดยก่อนหน้านั้นเราทราบว่าผู้ป่วยมีประวัติติดสุรา โดยการผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย จนกระทั่งวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เริ่มให้อาหารได้ คนไข้รู้สึกตัวดี กระทั่งช่วงเที่ยงได้รับรายงานว่าผู้ป่วยเริ่มมีอาการสับสน พูดไม่รู้เรื่อง เราได้มีการดูและเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด


ต่อมามีการย้ายผู้ป่วยมาอยู่ข้าง ๆ เคาร์เตอร์พยาบาลที่อยู่ด้านหน้า เพื่อดูแลให้การรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันได้มีการให้ยาจากทีมแพทย์ระงับอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยสงบลง แต่หลังจากรับยาอาการผู้ป่วยก็ยังไม่สงบลง จนกระทั้งผู้ป่วยได้ลุกขึ้นแล้วตึงสายน้ำเกลือออกแล้วคว้าเสาน้ำเกลือเดินออกไป เพื่อที่จะทำร้ายบุคลากรและคนไข้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมการไว้แล้ว ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปอยู่ในที่ปลอดภัย ภายในอาคาร พร้อมทั้งแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประมาณ 20 นาย มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ


ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น มีอุปกรณ์ทางการแพทย์และตัวอาคารเสียหายหลายรายการ เช่นเครื่องมือแพทย์ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ อุปกรณ์ถังดับเพลิง ที่สำคัญเราเกือบจะเสียคนไข้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ดีที่เขาไม่ทำ หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้นเราไม่ได้ลังเลที่จะดูแลน้องผู้ป่วยรายนี้เลย เรามีทีมแพทย์ที่อยู่โดยรอบกั้นพื้นที่ให้มีการรักษาอย่างทันท่วงทีได้มีการช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากน้องผู้ป่วยเสียเลือดมาก ซึ่งเราได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่แต่ก็เกิดความสูญเสีย ยืนยันเราได้ทำตามแนวทางที่ได้กำหนดอย่างเต็มที่แล้ว


ส่วนที่ทางญาติส่วนที่ทางญาติร้องขอดูกล้องวงจรปิดนั้น ผู้การตำรวจบอกว่า ในส่วนของโรงพยาบาลจะให้ทางโรงบาลเป็นผู้ตอบ แต่ในส่วนของตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เรามีแต่อันนี้เป็นวัตถุพยานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งอยู่ในขั้นขบวนการของการสอบสวน ซึ่งมีส่วนได้เสียของทุกฝ่ายตรงนี้คงเปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นวัตถุพยานสำคัญของการสอบสวนแต่เรามีแน่นอน


ขณะที่ ผอ.โรงพยาบาลสุรินทร์ ตอบเรื่องนี้ว่า ต้องเรียนกับน้องสื่อมวลชนตามจริงว่ากล้องอยู่ระหว่างของการจะเปลี่ยนจึงไม่สามารถที่จะใช้การได้ ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใดที่ผ่านมาเราก็เปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ ตรงจุดนี้ก็เลยยังใช้ไม่ได้ ซึ่งเป็นความสัตย์จริง ไม่ใช่เป็นข้อแก้ตัวใดๆ แต่อย่างไรก็ตามยิ่งกว่ากล้องวงจรปิดคือเรามีเจ้าหน้าที่ของโรงบาลที่เป็นประจักษ์พยานได้และมีคนไข้ ญาติคนไข้อีกหลายคนที่เค้าเห็นสามารถเป็นประจักษ์พยานได้


และในส่วนของการดูแลเยียวยาเย็นวันนี้ทางทีมผู้บริหารโรงพยาบาลก็จะเข้าไปเพื่อไปแสดงมุฑิตาจิตเพราะเราไม่อยากให้ใครสูญเสีย เราทำโดยหลักของเมตตาธรรมของความเป็นมนุษย์ และทางรัฐมนตรีว่าการฯก็ได้สั่งการมาแล้วให้นำพวงหรีดไปร่วมแสดงความเสียใจ ท่านปลัดกระทรวงก็นำหรีดแสดงความเสียใจด้วย วันนี้ตอนเย็นเราจะเข้าไปและวันพรุ่งนี้เป็นวันฌาปนกิจตนก็จะไปร่วมงานด้วย


ในส่วนของการเยียวยาจริง ๆ แล้วเรื่องนี้โรงพยาบาลในฐานะที่เป็นสถานบริการเราได้ช่วยดูแลเยียวยาจิตใจทั้งส่วนของทางญาติก็คือคุณแม่แล้วก็ทางญาติพี่น้องอย่างเต็มที่ เราให้การดูแลตามหลักและในส่วนของการเยียวยาท่านต้องมองถึงสามมิติด้วย มิติคนของตนก็คือเจ้าหน้าที่ มิติของผู้ป่วยและญาติที่อยู่ตรงนี้ด้วย ณ ตอนนี้ตนได้ดำเนินการแล้ว


ด้านหัวหน้าเวรห้องพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ เผยว่า ตอนนั้นคนไข้ให้น้ำเกลืออยู่ แต่มีปัญหาน้ำเกลือตันพยาบาลก็เข้าไปประเมินและดึงสายน้ำเกลือออก เพื่อแทงน้ำเกลือใหม่ ตอนนั้นคนไข้มีอาการคือมือสั่น จากนั้นก็ประเมินและพิจารณาย้ายเตียงมาหน้าเคาน์เตอร์พยาบาล หลังจากให้น้ำเกลือและย้ายคนไข้มาหน้าห้องพยาบาลเสร็จ ผู้ป่วยก็กระชากสายน้ำเกลือที่เพิ่งแทงใหม่ออกโดยไม่มีการพูดคุยอะไร เสร็จแล้วก็เขวี้ยงไปที่ปลายเตียง แล้วก็เริ่มมีอาการคุ้มคลั่งแล้วก็กระโดดลงจากเตียง ซึ่งพยาบาลพยายามเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อบอกให้เขาใจเย็น ๆ แต่เขาก็คว้าเก้าอี้แล้วก็โยนใส่และใช้เสาน้ำเกลือใช้เป็นอาวุธและผู้ป่วยก็เป็นคนตัวใหญ่สูงเจ้าหน้าที่ตอนนั้นก็มีแต่ผู้หญิง จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระจกแตก หลังจากนั้นก็กลับมาพร้อมอาวุธขวาน


ด้านหัวหน้าวอร์ดพยาบาล รพ.สุรินทร์เผยว่า หลังจากทราบเรื่องจากน้องก็ได้รายงานตามลำดับขั้นตอนและย้ายคนไข้ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ไปในห้องที่ปลอดภัยซึ่งมีทั้งหมด 3 ห้องแต่มีคนไข้อยู่สามคนที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาลเป็นคนไข้ติดเตียง ส่วนคนไข้ที่เคลื่อนย้ายได้ก็ไปหลบอยู่ทั้งสามห้อง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงทุบกระจกและเสียงบิดลูกบิดประตูแต่ก็เข้ามาไม่ได้


เหตุการณ์นี้ตนในฐานะที่เป็นหัวหน้าถึงแม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่หลังจากที่เหตุการณ์สงบตนก็ได้มาคุยกับน้องพยาบาล เขาก็เล่าให้ฟังว่าในช่วงที่อยู่ในห้องน้ำ เขาก็กอดคนไข้ กอดกันร้องไห้สมมุติว่าเขาเข้าไปได้อะไรจะเกิดขึ้น ตอนนั้นน้องจะโทรหาตนตลอดตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ฟังจากน้ำเสียงแล้วรู้เลยว่าเขาตกใจ เขาบอกว่าเป็นนาทีวิกฤติ นาทีชีวิตของเขาในขณะนั้น และน้องพยาบาลคนนี้ก็กำลังตั้งครรภ์ด้วย


ทั้งนี้ตำรวจได้ตั้งไว้ 3 สำนวน ทั้งสำนวนชันสูตรพลิกศพ สำนวนคดีวิสามัญฆาตรกรรม และผู้ต้องหา ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงด้วย ก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาตามกฎหมาย ข้อหาฆ่าผู้อื่น โดยอ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ ต้องรายงานคดีต้องมีการสอบสวน ดังนั้นความเป็นธรรมต้องดำเนินการอยู่แล้ว รวมไปถึงผู้เสียชีวิตก็จะเป็นผู้ต้องหาด้วย โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ก่อเหตุก็ได้เข้าสู่ขบวนการสอบสวนแล้ว โดยคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดได้ตั้งขึ้นมา

โดย paranee_s

5 ม.ค. 2568

3.9K views

EP อื่นๆ