ญาติเหยื่อเจ้าของคลินิกเมาแล้วขับ ลั่นรับคำขอโทษแต่ไม่ให้อภัย หลังคู่กรณีสำนึกผิด ยินยอมชดใช้-เยียวยา

เจ้าของคลินิกชื่อดัง ยอมรับดื่มจริง อ้างพยายามโบกแท็กซี่กลับแต่ไม่มีคันไหนรับ เผยวินาทีเกิดเหตุบนสะพานมืดมองไม่เห็น ก้มกราบขอโทษครอบครัวเหยื่อ ยินดีชดใช้เยียวยาทุกประการ สำนึกผิดเลิกดื่มตลอดชีวิต มอบเงินเยียวยาเบื้องต้น 7 หมื่น ญาติผู้เสียชีวิต เผยไม่ให้อภัยยังรู้สึกโกรธอยู่

กรณีไรเดอร์ขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานไทย-ญี่ปุ่น มุ่งหน้าไปหัวลำโพง ถูกรถเบนซ์ของผู้บริหารคลินิกชื่อดังเมาแล้วขับพุ่งชนกระเด็นตกลงมาบนพื้นถนนพระราม 4  สูงประมาณ 10 เมตรเศษ เสียชีวิตคาที่ เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 5 ธ.ค.ตำรวจคุมตัวไป สน.ปทุมวัน ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ 119 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น

คืบหน้าวานนี้ (5 ธ.ค.) ลูกสาวคนโตของ น.ส.ฉวี  อายุ 44 ปี ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เดินทางมาจาก จ.ร้อยเอ็ด มา สน.ปทุมวัน ทันทีที่เมาถึงได้เข้าสวมกอดกับแม่ของสามีผู้เสียชีวิตซึ่งรอที่ สน. อยู่แล้วและร้องไห้โฮ จากนั้นได้เดินมาทักทายน้องชายซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กของผู้เสียชีวิต ก่อนที่ทั้งคู่พร้อมด้วยสามีผู้เสียชีวิต เข้าปากคำกับพนักงานสอบสวนและติดต่อรับใบเอกสารรับศพ

น.ส.มยุรา ลูกสาวผู้เสียชีวิต บอกว่า อยากบอกกับแม่ว่า อยากให้แม่แข็งแกร่งให้ลูกดู ลูกจะเดินตามรอยเท้าแม่ แม่สอนทุกอย่าง ทั้งเรื่องทำมาค้าขาย แต่พอแม่ไปแล้ว เหมือนชีวิตล้มละลาย ไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วต้องมาดูแลน้องและทุกอย่างแทนแม่หมด เพราะแม่เป็นเสาหลักของบ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเหมือนความฝันอยู่เลย ก่อนหน้านี้คุยกับแม่ดี ๆ อยู่ แล้วพอมาเจอแบบนี้มันทำใจยังไม่ได้

นายเทวราช สามีของผู้เสียชีวิต อายุ 30 ปี เปิดใจด้วยเสียงสั่นเครือ ว่าตนเพิ่งทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งโทรมาเมื่อช่วงเวลาประมาณตี 5  ทันทีที่ทราบข่าว โทรศัพท์มือถือก็ร่วงลงจากมือ ตนช็อคและใจสลายอย่างมาก ลูกชายก็ร้องไห้โฮทันทีที่ทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิต

ปกติผู้เสียชีวิตพักอาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี กับครอบครัว มักจะขี่รถจักรยานยนต์จากชลบุรีในช่วงกลางคืน เข้ามาซื้อของกิ๊ฟช็อปเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำเพ็งเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อนำของไปเดินเร่ขายที่หาดบางแสน โดยทุกครั้งที่ภรรยาขี่จักรยานยนต์มาสำเพ็ง ตนจะคอยเตือนตลอดเวลาว่าให้ขับขี่อย่างระมัดระวัง ซึ่งภรรยาก็จะบอกเพียงแค่ว่ารู้เรื่องแล้ว

เช่นเดียวกับเมื่อคืนเกิดเหตุ ภรรยาได้ขี่จักรยานยนต์ออกจากบ้านประมาณ 5 ทุ่ม ตนก็ได้เตือนไปว่าให้สวมหมวกกันน็อคด้วย ซึ่งภรรยาก็บอกกับตนเหมือนตามเดิมว่า รู้แล้ว รู้แล้ว แต่สิ่งที่เป็นลางสังหรณ์คือภรรยาเดินเข้าเดินออกบ้านบ่อยครั้ง ทำทีเหมือนว่ากำลังคิดว่าจะไปหรือไม่ไปดี หากย้อนเวลากลับไปได้ ตนก็จะเตือนภรรยาว่าถ้าไม่ไหวก็ให้กลับมานอน ไม่ต้องขี่ออกไป

ทั้งนี้ภรรยาของตนไม่ได้ทำอาชีพไรเดอร์ตามที่มีข่าว เพียงแต่ยืมนำรถจักรยานยนต์ของตนขี่มาซื้อของที่สำเพ็ง เพราะตนเองประกอบอาชีพไรเดอร์ ส่วนเสื้อไรเดอร์ที่พบที่ร่างของภรรยานั้น ภรรยานำเสื้อไรเดอร์ของตนมาสวมใส่ขี่รถจักรยานยนต์

ตนยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย แต่ก็รู้สึกวิตกกังวลเมื่อทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยหลักทรัพย์เงินสด 200,000 บาท จนถึงตอนนี้ฝั่งผู้ก่อเหตุยังไม่มีการติดต่อมาที่ตนและครอบครัวก็มืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องศพผู้เสียชีวิตอย่างไร ส่วนตัวมองว่าหากผู้ก่อเหตุจะเดินทางมากราบขอโทษขอขมาศพหรือจะแสดงความรับผิดชอบเยียวยาใด ๆ ก็ตาม ตนก็ยินดีและยอมรับ

แต่สิ่งที่ตนต้องการมากที่สุด คืออยากได้ภรรยากลับคืนมา ต่อให้ได้เงินเยียวยามากเพียงใด ก็ไม่สามารถทดแทนชีวิตของภรรยาที่สูญเสียไปได้ ยอมรับว่าตนยังโกรธผู้ก่อเหตุ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเหตุมันเกิดขึ้นไปแล้ว จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ก็กังวลเพราะทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนมีฐานะและเป็นถึงผู้บริหารคลินิกชื่อดัง เกรงว่าจะไม่รับความเป็นธรรมทางคดี

สามีของผู้เสียชีวิต ยังเปิดใจด้วยเสียงสั่นเครืออีกว่า ตนมีหลายอย่างที่อยากจะบอกภรรยามากเป็นหมื่นล้านคำ แต่คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว ยังอยากที่จะให้ภรรยาอยู่ด้วยกัน หยอกล้อและพูดคุยกัน เพราะภรรยาเป็นคนน่ารักมากและเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังจากนี้ตนจะรับหน้าที่เป็นเสาหลักดูแลครอบครัวแทนผู้เสียชีวิตเอง

จากนั้นครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้เดินทางไปรับศพที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนขึ้นร่างไปจุดธูปเชิญวิญญาณบริเวณจุดเกิดเหตุ และนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ร้อยเอ็ด เนื่องจากผู้เสียชีวิตเคยมีความตั้งใจเอาไว้ว่า หากทำงานชดใช้หนี้หมดแล้ว จะขอพาครอบครัวกลับไปอยู่บ้านที่ร้อยเอ็ด

ขณะที่นายปุณณมี เจ้าของคลินิกชื่อดัง (ผู้ก่อเหตุ) เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ปทุมวัน และได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตพร้อมมอบเงินเยียวยาเบื้องต้น 70,000 บาท แบ่งเป็นเงินค่าเดินทางครอบครัว 50,000 บาท และเงินค่าส่งศพกับ จ.ร้อยเอ็ด 20,000 บาท ก่อนจะให้สัมภาษณ์ว่ายอมรับว่าไปดื่มอยู่กับเพื่อนๆ มาจริง แต่ดื่มแค่พอประมาณ และสถานที่ที่ดื่มก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้าน

ปกติตนก็ขับรถได้ แต่เมื่อคืนนี้สะพานมืดถึงมืดมาก มองไม่เห็น ยืนยันว่าตนเองยังมีสติ โทรเรียกประกันมาได้ และให้ประกันช่วยพาไปสถานีตำรวจ นายปุณณมีย้ำว่า เสียใจและไม่ได้หนี ไม่ได้เถียงอะไรพร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง

สำหรับจุดที่เกิดเหตุย้ำหลายครั้งว่า มืดมาก ไม่เห็นอะไรเลย เมื่อถามว่าขณะเกิดเหตุขับด้วยความเร็วประมาณเท่าไหร่ เจ้าตัวบอกว่าบอกว่าสะพานขับเร็วมากไม่ได้อยู่แล้ว เป็นความเร็วที่ฟิกซ์อยู่แล้ว โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณตรงกลางสะพาน ส่วนผู้เสียชีวิตขี่อยู่ทางด้านซ้าย เมื่อถามว่าเห็นไฟท้ายรถหรือไม่ นายปุณณมี ตอบว่า ไม่ทราบ เพราะมันมืดเลยไม่แน่ใจว่าไฟมีขนาดไหน แต่เส้นทางนั้นใช้กับบ้านประจำอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมมั่นใจว่าดื่มมาแล้วขับได้ นายปุณณมี ยืนยันว่าไม่ได้มั่นใจว่าดื่มแล้วจะขับรถได้ แต่มันเป็นเส้นทางที่ใช้ประจำ แล้วมันมืด เมื่อถามว่าทำไมไม่นั่งแท็กซี่ ก็บอกว่าพยามเรียกแล้วแต่ไม่มีใครรับตอนนั้น ซึ่งรถที่ขับมาเป็นรถส่วนตัวไม่ใช่รถของบริษัท

ทั้งนี้ยังบอกอีกว่าตั้งแต่เมื่อคืนตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกแล้ว ผิดไปแล้ว สำนึกผิด วิธีแก้ไขด้วยตัวเรา คือไม่ดื่มแล้ว อยากแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าเสียใจจริง ๆ เสียใจมาก ยอมรับผิดไม่ได้ไปไหน ยินดีช่วยเหลือครอบครัวของเขา ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เสียใจ ไม่รู้จะให้อธิบายยังไง ตนก็ไม่ได้แฮปปี้ ตนรู้สึกผิด /เมื่อถามว่าตอนที่ขอโทษได้มีการพูดคุยอะไรกันบ้าง เจ้าตัวบอกว่าคู่กรณี ก็ยังอยู่ในช่วงที่ช็อค ตนเองก็เสียใจ เขาก็ช็อค ความรู้สึกสองฝั่งมันรู้สึกแย่ทั้งคู่ เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

นายปุณณมี เล่าว่า เขาได้พูดคุยกับญาติผู้ตายแล้ว ได้บอกเขาว่าขอโทษ ที่ทำให้เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ได้ตั้งใจของเรา และยินดีที่จะช่วยเหลืองานศพของเขาทั้งหมด ทั้งค่านำเดินทาง ค่านำร่างผู้เสียชีวิตกลับ และค่าเยียวยาเบื้องต้น และตนเองก็จะบินไปที่จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อไปงานศพด้วยตัวเอง ซึ่งค่าเยียวยาก็แล้วแต่ทางครอบครัวเค้า คือให้ครอบครัวกลับไปคุยได้เลย แล้วเสนอมา ซึ่งก็ยินดีที่จะเยียวยาให้

นายจุลเมธ สอนสุทธิ์ ทนายความของผู้ก่อเหตุ เผยว่า เรื่องคดี ผู้ก่อเหตุถูกดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับและขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยผู้ก่อเหตุยอมรับผิดและพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากนี้ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการการดำเนินคดีทางอาญา ส่วนจะนำตัวส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการเมื่อไหร่ คาดว่าน่าจะภายในสัปดาห์หน้าหรือโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้มีปัญหา โดยคดีดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เขตอำนาจของศาลอาญากรุงเทพใต้

สำหรับตัวผู้ก่อเหตุนั้นมีอาการเครียดอย่างมาก ร้องไห้ตลอดเวลาและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้นอน ผู้ก่อเหตุรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด ทันทีที่พบครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็ได้ก้มลงไหว้ขอโทษทันที ส่วนฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต ตนก็ไม่ทราบว่าให้อภัยหรือไม่ แต่ก็เข้าใจดีว่าต่างคนต่างก็เสียใจและเชื่อว่ายังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่กล้าไปถามครอบครัวผู้เสียชีวิตว่าจะให้อภัยหรือไม่ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นทำให้สังคมตั้งคำถามว่า อาจจะมีความคล้ายคลึงกับกรณีเหตุการณ์เมาแล้วขับก่อนหน้านี้ที่ผู้ก่อเหตุมักจะเป็นคนมีเงิน ทนายความมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ ตัวผู้ก่อเหตุก็เสียใจแล้วไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนแก่ตัวผู้ก่อเหตุอย่างมาก ผู้ก่อเหตุยังรับปากว่าหลังจากนี้จะไม่ดื่มสุราตลอดชีวิต

ขณะที่สภาพของรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต พบว่า สภาพบริเวณด้านท้ายฝั่งขวาของรถพังยับเยินจากการถูกชนอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ชิ้นส่วนของรถหลุดออกไป บริเวณด้านข้างฝั่งซ้ายของรถมีรอยถลอก คาดว่าเกิดจากการถูกชนจนล้มแล้วไถลไปกับถนน

ส่วนสภาพรถเบนซ์คันก่อเหตุ พบว่าได้รับความเสียหายอย่างหนักบริเวณ ด้านซ้ายของรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ปรากฏร่องรอยการชน จนไฟหน้า กระจังหน้า และกันชนหน้ารถได้รับความเสียหาย รวมทั้งยังปรากฎคราบสีดำจากรถมอเตอร์ไซต์ผู้เสียชีวิตอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังปรากฏรอยกระจกร้าวแตกบริเวณที่นั่งฝั่งข้างคนขับอีกด้วย ภายในรถพบว่าถุงลมนิรภัยถูกใช้งาน มีขวดน้ำเปล่าเปิดทิ้งไว้  1 ขวด มีน้ำในขวดเล็กน้อย บริเวณเบาะด้านหลังฝั่งคนขับพบลังบรรจุส้มวางอยู่ตรงพื้น ไม่พบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถแต่อย่างใด



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/C-jX-54ihj4

โดย petchpawee_k

6 ธ.ค. 2567

238 views

EP อื่นๆ