ปะทะต่อเนื่องวันที่ 18! ครั้งนี้ต้องจบ ทหารปักธงไทยยึดคืนผืนแผ่นดินได้หลายพื้นที่

รายการโหนกระแสวันนี้ (25 ธันวาคม 2568) เกาะติดสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ดำเนินมาถึงวันที่ 18 ท่ามกลางการสู้รบที่ยังดุเดือด และการเจรจาทางการทูตที่กำลังดำเนินไปควบคู่กัน



โดยมีแขกรับเชิญร่วมวิเคราะห์สถานการณ์ ได้แก่ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง, รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, คุณกัน จอมพลัง ที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านและทหาร และคุณอนาลโย กอสกุล แอดมินเพจ ThaiArmedForce ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธยุทโธปกรณ์



รศ.ดร.ปณิธาน วิเคราะห์ว่า กัมพูชาใช้กลยุทธ์เดินเกมสองทางคู่ขนาน คือการใช้กำลังรุกรบในพื้นที่เพื่อกดดันไทย ควบคู่ไปกับการยื่นข้อเสนอทางการทูตเพื่อซื้อเวลา โดยกัมพูชาพยายามสร้างสถานการณ์ให้ไทยดูเป็นฝ่ายรุกรานในสายตาเวทีโลก เพื่อให้ไทยหยุดยิงและเสียเปรียบในการเจรจา ในขณะที่ทางฝ่ายทหารไทยจำเป็นต้องปิดเกมในพื้นที่ให้ได้ก่อนการลงนามในวันที่ 27 ธันวาคม ซึ่งขณะนี้ไทยสามารถควบคุมพื้นที่สำคัญได้หลายจุด เช่น ช่องบก ช่องอานม้า และล่าสุดสามารถควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผงและบ้านหนองหญ้าแก้วได้แล้ว เหลือเพียงพื้นที่บ้านหนองจานที่ยังคงพยายามอยู่



เมื่อวิเคราะห์ถึงขีดความสามารถของกองทัพกัมพูชา รศ.ดร.ดุลยภาค อธิบายว่า แม้กัมพูชาจะมีประชากรน้อยกว่าไทย แต่มีสัดส่วนกำลังทหารประจำการค่อนข้างมาก และมีอาวุธหนักอย่างปืนใหญ่และจรวด BM-21 จำนวนมาก ประกอบกับการเตรียมการมานานและการใช้ยุทธวิธีสงครามกองโจร วางทุ่นระเบิด และซ่อนตัวตามภูมิประเทศที่ได้เปรียบ ทำให้สามารถยื้อการสู้รบได้นาน นอกจากนี้ ผู้นำอย่าง ฮุน เซน มีความมั่นใจสูงและต้องการชัยชนะเพื่อผลทางการเมืองและศักดิ์ศรี



ประเด็นเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ได้รับความสนใจอย่างมากในวงสนทนา โดยคุณอนาลโยและคุณกันเห็นตรงกันว่า ไทยควรใช้โอกาสนี้ในการโจมตีตึกที่เป็นแหล่งซ่อนตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ตามแนวชายแดน ซึ่งนอกจากจะเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ยังสามารถใช้เป็นข้ออ้างในการปฏิบัติการเพื่อมนุษยธรรมในการ "ปลดปล่อย" เหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกกักขังอยู่ในตึกเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยแก้ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาชาวโลกและดึงสหรัฐฯ ให้หันมาสนับสนุนไทยได้