ล่าแก๊งอุ้มชาวจีนเรียกค่าไถ่ 10 ล้าน คาดขัดแย้งธุรกิจผิดกฎหมาย

ในช่วงที่ผ่านมา มีคดีการอุ้มเรียกค่าไถ เกิดถี่ขึ้น ซึ่งผู้ก่อเหตุส่วนใหญเป็นชาวจีนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย และเกิดการหักหลัง ทวงหนี้ หรือล้างแค้นกัน ก็จะใช้วิธีการอุ้มไปเรียกค่าไถ่ โดยล่าสุด พบชายฉกรรจ์ 5 คน ใช้อาวุธปืนสงครามเรียกค่าไถ่ ชาวจีน 2 ราย ย่านห้วยขวาง เป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ตำรวจสันนิษฐานอาจเกี่ยวข้องกับการขัดแย้งในธุรกิจผิดกฎหมาย



ภาพวงจรปิดจะเห็นชายชาวจีน 2 คน ซึ่งเป็นผู้เสียหาย อาศัยอยู่ในอาคารพาณิชย์ สูง 5 ชั้น ในซอยรัชดา 24 เขตห้วยขวาง หลังจากนั้นปรากฎชายฉกรรจ์ คนเดินเข้ามาภายในห้องทำงาน โดยทุกคนมีอาวุธปืน ทั้งปืนสั้นและปืนยาว ครบมือ ปิดหน้าปิดตามิดชิด ก่อนจะข่มขู่เงินสด 3 ล้าน 2 แสนบาท แต่ยังไม่จบชายฉกรรจ์ได้อุ้มไปเรียกค่าไถ่ โดยให้ชายชาวจีนขึ้นรถคนละคัน ไปที่จังหวัดนครนายก และขู่เอาเงินอีก 6 แสน USDT ให้โอนเข้าบัญชี



แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน จึงต้องขอยืมเพื่อนชาวจีน ให้ช่วยโอนเงินมาให้ 2 แสน 7 หมื่น USDT หรือ ประมาณ 6 แสนบาท ก่อนจะพานั่งรถคันเดียวกันมาปล่อยลงที่ย่านบางเขน และได้ถอดซิมการ์ดของผู้เสียหายทิ้ง



สถานที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ ในซอยรัชดา 24 หรือจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพร็อพเพอร์ตี้ แต่ที่ผิดปกติมีเพียงชายชาวจีน 2 คน นานๆจะ เข้า-ออกบริษัทเท่านั้น และเมื่อมาก็เก็บตัวเงียบแต่ชั้น 1 ซึ่งเช่าไว้ โดยผู้เสียหาย ซึ่งพูดไทยได้กล่าวว่าไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และไม่มันใจว่าเป็นฝีมือภรรยาเก่าหรือไม่ ส่วนที่ยอมจ่ายเงินให้คนร้ายเพราะกลัวถูกฆ่า



สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่าผู้เสียหายทำธุรกิจเป็นนายหน้าหาที่พักให้แก่ชาวจีนที่มาเมืองไทย โดยเปิดในรูปแบบบริษัท ในวันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากบุคคลหนึ่ง ที่เคยแลกเงินดิจิตอลกันมาก่อน และครั้งนี้จะมาเลขเหรียญดิจิทัลอีก โดยให้เตรียมเงินสดไทยไว้จำนวน 3 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มคนร้าย 5 คนอาวุธครบมือเข้ามาภายในออฟฟิศ ทำทีเป็นเข้ามาถามถึงคนชื่อ "ไมเคิล" ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย เพื่อทวงหนี้ เมื่อไม่พบก็ได้รื้อทรัพย์สินได้เป็นเงินสดแต่ไม่ครบจำนวน จึงอุ้มไปเรียกค่าไถ่ที่ จ.นครนายก โดยรถยนต์ที่คนร้ายใช้พบว่าเป็นรถสวมทะเบียน ส่วนบุคคลที่ชื่อไมเคิล ขณะนี้มีตัวตน และตำรวจได้ประสานกับ ตม. แต่พบว่าออกนอกประเทศไปแล้ว



โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยมี 5 คน เป็นชายชาวจีน 2 คน เป็นเมียนมา 3 คน โดยเจ้าหน้าที่ได้ไล่ตรวจสอบเส้นทางการก่อเหตุ และเชื่อว่าขณะนี้ผู้ต้องหายังคงอยู่ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดติดตามตัวผู้ต้องสงสัยมาตรวจสอบได้แล้วบางส่วน

โดย panisa_p

21 ต.ค. 2567

61 views

EP อื่นๆ