บันเทิง
‘อ๊อฟ ศุภณัฐ’ ปัดเป็นแม่ข่าย รับเคยลงทุน ‘ดิไอคอน’ 1 ล้าน ลั่นธุรกิจนี้ทำการตลาดฮาร์ดคอร์จนมีแต่คนขาย
โดย chutikan_o
16 ต.ค. 2567
72 views
‘อ๊อฟ ศุภณัฐ’ ยืนยันไม่ได้เป็นแม่ข่าย ยอมรับเคยลงทุนเปิดบิลระดับดีลเลอร์ ลงทุนไปกว่า 1 ล้านบาท ชี้ธุรกิจนี้สินค้าดีแต่ไม่เน้นขาย เน้นทำการตลาดฮาร์ดคอร์จนมีแต่คนขาย ไม่มีคนซื้อ
วานนี้ (15 ต.ค.) เวลา 12.00 น. อ๊อฟ ศุภณัฐ พร้อมคุณแม่จอย เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำหลักฐานมาแจ้งความ กรณีเคยลงทุน ดิ ไอคอน กรุ๊ป และปรากฎภาพว่าเป็นแม่ข่ายด้วย
อ๊อฟ ศุภณัฐ กล่าวว่า เมื่อคืนได้รวบรวมหลักฐาน การรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินให้กับดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้งของตนเองและของคุณแม่ และนำมาแจ้งความเพื่อต้องการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าตนเองและคุณแม่ก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ไปร่วมลงทุน ไม่ได้เป็นแม่ข่ายตามที่ถูกกล่าวหา
โดยเมื่อช่วงโควิด คุณแม่ได้รับแอดของบริษัทนี้ ซึ่งช่วงนั้นคุณแม่ก็เป็นผู้สูงอายุที่ว่างงานและต้องการจะหาเงินมาช่วยเหลือตนเองที่ไม่มีงานในช่วงนั้น ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณแม่เข้าไปทำคืออะไร ซึ่งตอนที่คุณแม่เข้าไปตอนแรกเป็นช่วงโควิด การตลาดก็จะเป็นอีกแบบ มีแต่การประชุมทางออนไลน์ แต่หลังจากนั้นการตลาดก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบ เริ่มถูกชักชวนให้ออกไปประชุม คุณแม่กลับดึกดื่น โทรมลงทุกวัน และมีงานใหญ่ก็ต้องไปไปนั่งฟังความสำเร็จ ซึ่งตนเองไม่เคยทราบมาก่อน เพิ่งมารู้ตอนเป็นข่าว
ตอนนั้นคุณแม่ก็อยากเป็นนักเรียนดีเด่น เป็นนักธุรกิจที่โตเร็ว ซึ่งก็ได้รับการชักชวนจากแม่ทีมว่า ถ้าอยากโตต้องลงทุนเยอะ คุณแม่เลยเปิดบิลระดับดีลเลอร์ 2.5 แสนบาท ซึ่งตอนนั้นคุณแม่ก็มาชักชวนให้ตนเองทำด้วย แต่เขาไม่รู้และไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ถ้าจะทำเอง ต้องศึกษาให้ดีก่อน จึงไม่ทำ แต่ว่าก็เห็นใจคุณแม่ที่หาลูกทีม จึงไปเป็นลูกทีมของคุณแม่ ช่วยเปิดบิลไปอีก 2.5 แสนบาท และคุณแม่ยังได้ไปชวนญาติพี่น้องอีกประมาณ 8-10 คนมาเปิดบิล รวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปชวนใครต่อ ไม่มีสายเป็นของตัวเอง ไม่มีลูกข่ายแน่นอน ส่วนคุณแม่อยู่ในวังวนนั้นประมาณ 1 ปี พอรู้ว่าของขายไม่ได้ จึงเลิกทำไป ซึ่งเท่าที่มาไล่ยอดเงินดูเมื่อคืนนี้ พบว่าส่วนของคุณแม่ได้จ่ายเงินไปทั้งหมดประมาณ 7 แสนบาท ส่วนของตนเองประมาณ 3 แสนบาท
จำนวนเงินที่จ่ายไปนอกเหนือจากการเปิดบิลระดับดีลเลอร์ 2 คน รวมกัน 5 แสนบาทแรกนั้น ก็จะเป็นการที่บริษัทออกโปรโมชั่นสินค้าใหม่ๆ และมาชักชวน บอกให้คนขายซื้อทดลองใช้ จึงจ่ายเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม สินค้าที่ได้มาก็เอามาใช้จริง อย่างกาแฟ ตนเองและคุณแม่ก็เอามานั่งดื่มกันทุกวัน ซึ่งยอมรับว่าสินค้านั้นดีจริง แต่ข้อเสียคือการทำการตลาดที่ฮาร์ดคอร์มากเกินไป ทำให้ทุกบ้านมีสินค้า มีคนขาย แล้วใครล่ะจะซื้อ ราคาขายปลีกก็สูงกว่ากันมาก สุดท้ายแล้วสินค้าจึงถูกนำมากองรวมกันไม่สามารถขายได้ ต้องนำมากินเอง หรือนำไปแจกคนข้างบ้าน
และพอเรื่องเป็นข่าว ก็เลยเพิ่งมาทราบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันจริงอย่างที่ทุกคนบอก ว่าธุรกิจนี้ไม่ได้เน้นการขาย แต่เน้นการสอนคนให้ชวนคนมาลงทุนซื้อสินค้าจำนวนมาก ส่วนข้อมูลที่ว่าตนเองเป็นแม่ข่ายนั้น ก็เพิ่งเห็นเมื่อวานเพราะมีเพื่อนทักมาแซวว่า เป็นบอสอ๊อฟและบอสจอย ในข่าวพอไปดูก็พบว่ามีบอสชื่ออ๊อฟและจอยอยู่ แต่ไม่ใช่ตนเองและคุณแม่ แค่บังเอิญชื่อเหมือนกัน
ส่วนรูปโฆษณาสินค้าที่มีการใช้รูปตนเองและเขียนว่าเป็น Founder นั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำและไม่เคยอนุญาตให้นำรูปดังกล่าวไปใช้ โดยรูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายไว้ตอนไปถ่ายรายการ และถูกนำไปใช้ในหลายๆ กรณี ทั้งงานบุญ งานบวช ต่างๆ รวมถึงรูปนี้ด้วย ซึ่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Founder ของธุรกิจนี้หมายความว่าอะไร ถ้าเป็นผู้ก่อตั้งจริงคงรวยเป็นพันล้านไปแล้ว ซึ่งจะพิจารณาว่าถ้าหากการกระทำนี้จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตก็จะแจ้งความดำเนินคดีด้วย
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/5ZwjHwkuzJg
แท็กที่เกี่ยวข้อง อ๊อฟ ศุภณัฐ ,ลงทุน ,ดิไอคอน