เศรษฐกิจ

‘เผ่าภูมิ’ เผยคลัง-แบงก์ชาติ จูนภาพเศรษฐกิจตรงกัน ให้เกียรติ กนง.เคาะดอกเบี้ย

โดย weerawit_c

5 ต.ค. 2567

43 views

วานนี้ ( 4 ต.ค.67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงผลการหารือระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ผลการหารือเป็นไปในทิศทางบวก โดยได้มีการจูนภาพเศรษฐกิจที่ตรงกันมากขึ้น รวมถึงคลังได้มีการแสดงความเป็นห่วง และสะท้อนในเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเกินไป รวมถึงช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากด้วย


ส่วนการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งเชื่อว่า ภายหลังการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนั้น จะช่วยทำให้การตัดสินใจต่าง ๆ ของ กนง. มีศักยภาพ และตรงกับบริบทของโลกมากขึ้น

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การดูแลเศรษฐกิจมี 2 ขา คือนโยบายการเงิน และนโยบายการคลัง เมื่อขาหนึ่งทำงานน้อย อีกขาหนึ่งก็ต้องทำงานให้มากขึ้น เป็นกลไกธรรมชาติ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินไปได้ด้วยอัตราเร่งที่เหมาะสม

โดยในส่วนของมาตรการด้านการคลัง ก่อนหน้านี้ได้มีการอัดฉีดเม็ดเงินไปแล้ว 1.4 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ซึ่งช่วยกระจายเม็ดเงินลงไปในทุกภาคส่วนของประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจมีความคึกคักมากขึ้น

ขณะที่การเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 อาจต้องรอดูผลความสำเร็จของเฟสแรกก่อนว่า เม็ดเงินสามารถกระจายตัวได้แค่ไหน หมุนไปได้ขนาดไหน และมีมิติของการผลักต่อเศรษฐกิจสูงเท่าไหร่

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า หลังจากนั้นต้องรอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาก่อน ซึ่งจะไม่ได้ดูแค่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น แต่จะต้องดูในภาพรวมของมาตรการทั้งหมดที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ และจะต้องทำให้เชื่อมโยงกันระหว่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และมาตรการอื่น ๆ โดยคาดว่าคณะกรรมการฯ จะสามารถประชุมได้ภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายลง

“เฟส 2 ต้องดูระยะเวลา เนื่องจากผลของมาตรการแต่ละระลอกจะมีผลที่ทิ้งช่วง ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินไปวันนี้แล้วผลจะหมดทันที แต่ผลทางเศรษฐกิจจะต้องรอให้หมุนไปก่อน ซึ่งคลังไม่ลืมที่จะรักษาแรงส่งทางเศรษฐกิจให้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะหากแรงส่งตรงนี้หยุด ครั้งต่อไปที่จะส่งแรงส่งจะหนักกว่า ดังนั้น จะต้องส่งแรงส่งต่อไปเรื่อย ๆ แต่ถามว่าเครื่องมือมีแค่เฉพาะการกระจายเม็ดเงินหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่ใช่ เรามีมาตรการภาษี มาตรการทางการเงิน มาตรการสินเชื่อ ซอฟท์โลนต่าง ๆ ที่จะเข้าไปช่วย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ส่วนกรณีที่เอกชนมีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินโครงการคูณ 2 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ โดยประชาชนซื้อสินค้าราคา 100 บาท จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอีก 100 บาทนั้น นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ข้อเสนอมีได้ และในส่วนของภาครัฐก็มีหน้าที่รับข้อเสนอต่าง ๆ ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นอะไร จากใคร และเรื่องไหน นำมาวิเคราะห์ เมื่อวิเคราะห์เสร็จก็เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น

-------------------------------

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยว่า เบื้องต้น สศค. ได้ทำการวิเคราะห์ผล การแจกเงินหมื่นให้กลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน วงเงินรวม 1.45 แสนล้านบาท พบว่า เงินจำนวนดังกล่าวถูกกระจายสู่ภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ครบทุกตำบลทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว ยังสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศไปพร้อม ๆ กันด้วย


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิมากที่สุด จำนวน 5.8 ล้านคน รองลงมาภาคเหนือ 3.3 ล้านคน , ภาคใต้ 2.2 ล้านคน , กรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 ล้านคน , ภาคตะวันตก 7.5 แสนคน , ภาคตะวันออก 7.3 แสนคน และภาคกลาง 6.2 แสนคน


ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิมากที่สุด คือ นครราชสีมา 5.4 แสนคน , จ.อุบลราชธานี (4.4 แสนคน) , จ.ศรีสะเกษ (4.0 แสนคน), จ.เชียงใหม่ (3.9 แสนคน) และ จ.บุรีรัมย์ (3.7 แสนคน)


ขณะที่จังหวัดมีผู้ได้รับสิทธิน้อยที่สุด คือ จ.ระะนอง 2.7 หมื่นคน , จ.ภูเก็ต (2.8 หมื่นคน) , จ.ตราด (3.1 หมื่นคน) , จ.สมุทรสงคราม (3.3 หมื่นคน) และ จ.พังงา (4.2 หมื่นคน)


https://youtu.be/LIdUjK21reA

คุณอาจสนใจ