แอร์เอเชีย เสนอนายกฯ ดันกรุงเทพฯ เป็นฮับการบินเหมือนดูไบ

แอร์เอเชีย เผยหลังพบนายกรัฐมนตรี เสนอผลักดันกรุงเทพเป็นฮับการบินอาเซียน เชื่อศักยภาพประเทศไทยไปได้ พร้อมขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 40% หวังดึงราคาค่าตั๋วโดยสาร 10-15%



นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Capital A พร้อมคณะผู้บริหารสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยในการเข้าพบครั้งนี้ นายโทนี่ ได้ยื่น 3 ข้อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ขอปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเครื่องบินไอพ่นลง 40% เนื่องจากใน 4 ประเทศที่กลุ่มแอร์เอเชียให้บริการ คือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย ไม่เก็บ ส่วนฟิลิปปินส์ เก็บ 2.48 บาท/ลิตร เวียดนาม เก็บ 1.4 บาท/ลิตร

ในขณะที่ไทยเก็บ 4.726 บาท/ลิตร โดยประเมินว่า หากสามารถปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงได้ตามที่ขอ จะส่งผลให้ราคาตั๋วโดยสารลดลงมาได้ราว 10-15% นอกจากนี้ยังขอให้คงอัตราค่าบริการเดินอากาศ ซึ่งวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กำลังเตรียมจะปรับขึ้นเร็ว ๆ นี้ โดยขอให้ตรึงต่อไปอีก 1-2 ปี เพื่อให้อุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวได้เต็มที่ก่อน และ เพิ่มสิทธิการบินในเส้นทางระหว่างไทย-อินเดีย โดยมองว่าเป็นเส้นทางบินที่มีศักยภาพต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย



นอกจากนี้ ยังได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ว่าอยากให้ผลักดันกรุงเทพมหานครให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคอาเซียน เป็น Next Dubai ที่จะสามารถบินตรงจากกรุงเทพไปยังเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกจากศักยภาพด้านจำนวนประชากรในอาเซียนที่มีกว่า 700 ล้านคน สามารถหมุนเวียนการใช้ Hub การบินในอาเซียนเพื่อเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ และหากไทยมีแผนจะขยายสนามบิน อยากจะให้มีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับสายการบิน Low Cost ด้วย



ด้านนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ดล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กล่าวว่า มีแผนที่จะมีการควบรวมสายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ เข้าด้วยกันตามการปรับโครงสร้างของกลุ่มแอร์เอเชียที่ประกาศไปเมื่อ 2 วันก่อน แต่ต้องรอให้สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ออกจากแผนฟื้นฟูเสียก่อน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ และคาดว่าจะออกจากแผนฟื้นฟูได้ในช่วงปลายปี 2568



สำหรับในปี 2567 แอร์เอเชียตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารเอาไว้ที่ 20-21 ล้านคน ซึ่งยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิดที่ 22 ล้านคน โดยมองว่าปีนีนักท่องเที่ยวจะมีการเดินทางมากขึ้น ซึ่งรวมถึงจีน ที่แม้ปีที่ผ่านมาจะยังไม่ฟื้นตัว แต่มั่นใจว่า ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ซึ่งแอร์เอเชียกรุ๊ป ได้จัดหาเครื่องบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่จะฟื้นตัว ถึง 400 ลำ โดยไทยแอร์เอเชีย จะได้รับโควต้า 100-150 ลำ ทั้งนี้ปัจจุบันไทยแอร์เอเชีย มีเครื่องบิน 57 ลำ แต่ใช้ได้จำนวน 51 ลำ และอยู่ระหว่างซ่อม 6 ลำ โดยในปีนี้จะรับมอบเครื่องบินเพิ่มเข้ามาอีก 3 ลำ



ในขณะที่ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ มีเครื่องบิน 6 ลำ ปีนี้จะรับมอบ 4 ลำในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งยังเตรียมเปิดจุดบินใหม่ไปยังเมืองอัลมาตี ประเทศคาซัคสถาน และปลายปีนี้คาดว่าจะเปิดจุดบินในยุโรปเป็นครั้งแรก ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาเส้นทางสู่ปราก บูดาเปสต์ โรม มิลาน และเวียนนา



ขณะเดียวกัน โทนี่ เปิดเผยว่า ปีนี้เตรียมจะเรียกเก็บภาษีคาร์บอน จากผู้โดยสาร โดยคิดในอัตราเฉลี่ยประมาณ 10 บาทต่อชั่วโมงบิน เพื่อก้าวสู่การเป็น Net Zero ได้ตามเป้า ปี 2050

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/14PpaXLq928