เศรษฐกิจ

สมาคมนักวางแผนการเงินไทย เตือนคนไทยสำรองเงินฉุกเฉิน เกาะงานให้แน่น ไม่จำเป็นอย่ากู้

โดย nutda_t

22 เม.ย. 2568

27.8K views

นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า หลังต้องเผชิญเหตุแผ่นดินไหว และผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกา ในยุค โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลก ในอัตราสูงรวมทั้งไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวอยู่แล้ว เพราะนโยบายภาษีการค้าสหรัฐ ทำให้โลกถูกแบ่งเป็นสองขั้วชัดเจนอย่างมาก แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ในขณะที่ประเทศจีน ก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าหากประเทศไทยไปเจรจากับสหรัฐ และยอมรับนโยบายสหรัฐแล้วมากระทบกับจีน ก็จะเหนื่อยเช่นกัน และทุกฝ่ายต่างต้องถอยออกมาดู ว่าจะทำให้เศรษฐกิจซึมนานแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงโควิด

พร้อมเตือนคนไทย ให้ลุกขึ้นมาวางแผนการเงิน สำหรับคนที่ไม่เคยวางแผนเลย ส่วนคนที่วางแผนการเงินอยู่แล้ว ก็ต้องปรับแผนใหม่ ซึ่งพบว่ามีคนไทยวางแผนทางการเงินเพียง 3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ซึ่งนับว่าน้อยมาก สมาคมฯเองถึงกับต้องเปลี่ยนสูตร การวางแผนทางการเงิน และแนะนำคนไทย คือการสำรองเงินเผื่อฉุกเฉิน ตามหลักการแล้ว หากเป็นมนุษย์เงินเดือน เดิมทีควรมีการสำรองเงินเผื่อกรณีฉุกเฉิน 3-6 เดือน แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นขั้นต่ำ 6 เดือนขึ้นไป แต่หากเป็นกลุ่ม Freelance และกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้สภาพคล่องสูง เช่น ภาคท่องเที่ยว ก็ต้องสำรองเงินมากขึ้นเท่าตัว จากเดิม 6 เดือน เป็น 12 เดือน และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติการสำรองเงินฉุกเฉินก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น

ล่าสุดกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้คนไทยต้องตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันวินาศภัยกับที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม กรณีที่ผ่อนหมดแล้วและไม่ได้ทำประกันภัยไว้ แต่กรณีที่มีการผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน ให้กลับไปตรวจสอบว่าได้มีการทำประกันภัยไว้หรือไม่ และได้ครอบคลุมการคุ้มครองเหตุจากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเห็นความจำเป็นมากขึ้นกับการทำประกันชีวิต โดยเฉพาะผู้มีรายได้หลักที่หาเลี้ยงครอบครัว  ต้องวางแผนการใช้จ่ายเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้ราคาสินค้าปรับสูง ในขณะที่รายได้ไม่ได้ขึ้นตาม คนที่มีงานประจำจะต้องกอดอาชีพเราเอาไว้ให้แน่น และเพิ่มทักษะเพื่อให้สามารถหารายได้ได้มากกว่า 1 ช่องทาง เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิต เพราะรายได้ที่เข้ามาอาจไม่แน่นอนในอนาคต ระบุถึงเวลาที่คนไทยต้องตั้งการ์ดสูง ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้อย่างจริงจัง ใช้เฉพาะสิ่งจำเป็น ต้องสร้างเงินออม

พร้อมเตือนคนไทย ไม่จำเป็น อย่ากู้ ก่อหนี้เฉพาะสิ่งที่จำเป็น เพราะต้องคิดถึงเงินที่ต้องใช้ในช่วงเกษียณ ส่วนการลงทุน ต้องกระจายความเสี่ยงมากขึ้น สำหรับผู้เพิ่งจะเข้าลงทุนใหม่ ต้องลดพอร์ตที่มีความเสี่ยงสูงลง ทบทวนเป้าหมายใหม่ เช็กระยะเวลาการลงทุนบรรลุเป้าหมายใหม่ เพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ รวมถึงเงินสดให้มากขึ้น โดยแนะนำให้นักลงทุน ลดสินทรัพย์ที่มีเสี่ยงสูงลง 10-20% และนำเงินมาพักไว้ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาลของไทย สลากออมทรัพย์ เงินฝากพิเศษ เงินออมทรัพย์ เพราะการแกว่งตัวของดอกเบี้ยต่ำ หากเป็นสินทรัพย์ต่างประเทศ ดอกเบี้ยและค่าเงินแกว่งตัวผันผวนเกินไป รอฝุ่นหายตลบ แล้วค่อยกระจายการลงทุนใหม่อีกรอบ

สำหรับทองคำ ถ้ามองในมุมของนักลงทุน ถือว่าเป็น Safe Haven แต่สำหรับประชาชนทั่วไป หรือนักลงทุนรายย่อย มองว่ายังเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง นักลงทุนควรมีสัดส่วนลงทุนไม่เกิน 5% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด

ปัจจุบันราคาทองคำพุ่งสูงมาก เพราะความต้องการทองคำในตลาดโลกจากธนาคารกลางที่ต้องการถือทองคำเพิ่มขึ้น แทนการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่ถึงขั้นทิ้งพันธบัตรมาถือครองทองคำทั้งหมดได้ทันที เนื่องจากธนาคารทั่วโลกต่างถือครองพันธบัตรสหรัฐมากกว่า 50% ซึ่งธนาคารกลางจะใช้วิธีทยอยสะสมทองคำ ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อจากกองทุนสไปเดอร์โกลด์ ท่ามกลางภาวะเงินดอลล่าร์ที่อ่อนแอ และการขาดดุลงบประมาณระดับสูงของสหรัฐ ล้วนเป็นแรงผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้นต่อเนื่อง

คุณอาจสนใจ

Related News