พณ.สั่งด่วน! หารือผู้ประกอบการ ลดราคาสินค้าลดราคาสินค้าอีก 15 วัน รู้เรื่อง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมกับผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงเพื่อมอบนโยบาย โดยนายภูมิธรรมได้สั่งการเป็นการเร่งด่วนให้กรมการค้าภายในหารือผู้ประกอบการเพื่อหาแนวทางการลดราคาสินค้า อุปโภคบริโภค ภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติลดค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมัน โดยให้ไปถอดรายละเอียดต้นทุน ในสินค้าแต่ละประเภท ซึ่งโดยเฉลี่ยน้ำมันมีสัดส่วนคิดเป็น 30% ถึง 40% ในต้นทุนราคาสินค้า โดยขอเวลา 15 วัน ก่อน ประกาศรายการสินค้าที่ลดราคาได้ทันที เบื้องต้นได้พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับผู้ประกอบการบางรายซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือ



ส่วนการส่งออกปี 66 ยังคงเป้าหมายเดิม คือขยายตัวได้ 1-2 % หรือเป็นลบให้น้อยที่สุด ส่วนเป้าหมายของปีหน้ายังไม่ได้พูดคุยกัน โดยในปีนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะปิดการเจรจาFTA กับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และในช่วงครึ่งแรกของ ปี 67 จะปิดการเจรจา FTA กับ ศรีลังกา และเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ AFTA ได้



ส่วนมาตรการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไม่กลัวว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เพราะต้องพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสมและหาความสมดุลหากมีผลกระทบก็ต้องหามาตรการดูแล



ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าจะไม่ใช้นโยบายจำนำและประกันราคาสินค้าเกษตร เพราะใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ไม่สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร แต่จะใช้มาตรการเสริม ทำให้เน้นให้เกิดการรวบรวมผลผลิต และหาแนวทางดูดซับปริมาณผลผลิตและกระจายสู่ตลาด เรื่องประกันราคาจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำ



ทั้งนี้แนวนโยบายมี 7 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.นโยบาย “ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” เน้นการรดน้ำที่รากดูแลคนตัวเล็ก ดูแลภาระค่าครองชีพ โครงการ 1 ครอบครัว 1 ทักษะ 2.บริหารให้เกิดความสมดุล ระหว่างประชาชนผู้บริโภค เกษตรกรผู้ผลิต และผู้ประกอบการภาคธุรกิจ 3.การทำงานเชิงรุกและบูรณาการการทำงานร่วมกัน ของ พาณิชย์จังหวัด และ ทูตพาณิชย์, แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมาย 4.แก้กฎหมายล้าสมัย บัญญัติกฎหมายใหม่ให้เท่าทันโลก 5.ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Digital wallet ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.เร่งขยับตัวเลขการส่งออก เปลี่ยนจากติดลบให้เป็นบวก 7.ผลักดันให้ใช้ประโยชน์จาก FTA รวมทั้งการปรับตัวเพื่อรองรับ ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยในมาตรฐานความยั่งยืนที่เป็นกรอบกติกาใหม่ของโลก