ต่างประเทศ

เกาหลีใต้สู้เศรษฐกิจถดถอย! ทุ่มงบ 7.5 แสนล้านบาท แจกเงินให้ประชาชน

โดย chutikan_o

6 ก.ค. 2568

397 views

เกาหลีใต้ทุ่มงบ 7.5 แสนล้านบาท แจกเงินให้ประชาชนเกือบทั้งประเทศ หวังฉุดเศรษฐกิจที่ซบเซาให้ฟื้นตัว ขณะนักเศรษฐศาสตร์เตือนเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ-วินัยการคลังในระยะยาว

รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การนำของประธานาธิบดีอี แจมยอง ผู้นำคนใหม่ เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทุ่มงบประมาณมหาศาลกว่า 31.8 ล้านล้านวอน (ประมาณ 7.5 แสนล้านบาท) แจก “คูปองเพื่อการบริโภค” หรือเงินช่วยเหลือแก่ประชาชนเกือบทั้งประเทศ หวังฉุดเศรษฐกิจที่ซบเซาให้ฟื้นตัว ท่ามกลางเสียงเตือนจากนักเศรษฐศาสตร์ถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและวินัยการคลังในระยะยาว

โครงการนี้ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว จะแบ่งการแจกจ่ายออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ถึง 12 กันยายน โดยจะเป็นการแจกเงินแบบถ้วนหน้า ประชาชนทุกคนที่อาศัยในเกาหลีใต้ (ณ วันที่ 18 มิ.ย. 2568) จะได้รับเงิน 150,000 วอน (ประมาณ 3,500 บาท) ผ่านบัตรเครดิต, เดบิต หรือคูปองท้องถิ่น

กลุ่มเปราะบาง เช่น ครอบครัวรายได้น้อยและครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ได้รับเพิ่มเป็น 300,000 วอน (ราว 7,100 บาท) ส่วนผู้รับเบี้ยยังชีพจากรัฐ จะได้รับสูงสุด 400,000 วอน (ราว 9,500 บาท)

ผู้ที่อาศัยในชนบท ได้รับเพิ่มพิเศษอีก 50,000 วอน (ราว 1,100 บาท) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาภูมิภาคแบบสมดุลที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาค

ส่วนในระยะที่ 2 จะเริ่มตั้งแต่ 22 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม ซึ่งจะเป็นการแจกแบบเจาะจง คือ มอบเงิน 100,000 วอน (ราว 2,300 บาท) ให้กับประชาชนกลุ่มที่มีรายได้ 90% ต่ำสุดของประเทศ โดยพิจารณาจากข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพ

มาตรการนี้เป็นนโยบายเรือธงของประธานาธิบดีคนใหม่ อี แจมยอง ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน หลังเศรษฐกิจเกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย เกือบเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2567 โดยเศรษฐกิจหดตัวในไตรมาสที่ 2 และฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยในไตรมาสที่ 3 ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากความวุ่นวายทางการเมือง กรณีการถอดถอนอดีตประธานาธิบดียุนซอกยอล จากข้อหาก่อการกบฏ หลังเขาประกาศกฎอัยการศึกชั่วคราวในเดือนธันวาคม

นายคิม มินแจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้คำมั่นว่า “จะเตรียมการอย่างรอบคอบ เพื่อให้เงินช่วยเหลือนี้สามารถกระตุ้นการบริโภคและฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง”

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนได้ออกมาแสดงความกังวลว่า การอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลซึ่งรัฐบาลต้องกู้ยืมมา อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น และสร้างความเสี่ยงต่อวินัยการคลังของประเทศในระยะยาว โดยมีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณถึง 4.2% และหนี้สาธารณะของประเทศจะทะยานขึ้นไปอยู่ที่ 49.1% ของ GDP



คุณอาจสนใจ

Related News