ราคาน้ำมันโลกร่วงลงประมาณ 2% เหตุความวิตกกังวลต่อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น

(12 พ.ค.) ราคาน้ำมันโลกร่วงลงประมาณ 2%  สาเหตุมาจาก ความวิตกกังวลต่อหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น จนใกล้เต็มเพดาน แถมยังไม่มีการเพิ่มเพดานแต่อย่างใด ซึ่งมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า เงินของรัฐบาลสหรัฐฯกำลังจะหมดเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลก มีดังนี้

-ตลาดไนเม็กซ์ นิวยอร์ก ลดลง 1.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

-ตลาดเบรนท์ ลอนดอน ลดลง 1.43 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 74.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

-น้ำมันกลั่นสำเร็จรูป สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ปิดที่ 88.78 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล

ขณะที่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (12 พ.ค.) ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.72 บาทต่อดอลลาร์



มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ33.65-33.95 บาทต่อดอลลาร์



สำหรับแนวโน้ม แม้เงินบาทจะเริ่มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์นั้น จะเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากความกังวลปัญหาเพดานหนี้ที่อาจทวีความร้อนแรงมากขึ้น มักจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เงินดอลลาร์อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นต่อชัดเจน โดยดัชนี DXY อาจไม่สามารถปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน 102.5 จุด ไปได้ง่ายนัก



อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง จากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนหุ้นที่ยังมีลักษณะขายลดความเสี่ยง ก่อนจะรับรู้ผลการเลือกตั้ง ประเมินแนวต้านของเงินบาทจะอยู่ในโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์



ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ (ประเด็นขยายเพดานหนี้) และการเมืองไทย ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน