OR ไตรมาส 3 ขาดทุน 1.6 พันล้านบาท ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน แบกรับค่าปิดร้าน ‘เท็กซัส ชิคเก้น’

OR ไตรมาส 3 ขาดทุน 1.6 พันล้านบาท ขาดทุนสต๊อกน้ำมัน-เงินบาทแข็งค่า แบกรับค่าใช้จ่ายปิดร้าน ‘เท็กซัส ชิคเก้น’ ถอนหุ้นร้านอาหารญี่ปุ่น ‘โคเอ็น’

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและค้าปลีกอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศของกลุ่ม ปตท. รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/67 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทขาดทุนสุทธิ จำนวน 1,609 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,170 ล้านบาท และลดลงจากไตรมาส 2/67 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,537 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.13 บาท

ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 บริษัทมีรายได้ขายและบริการ 176,131 ล้านบาท ลดลง 7,858 ล้านบาท (-4.3%) จากไตรมาสก่อนหน้า ปรับลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ

กลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 3.9% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากกลุ่มน้ำมันอากาศยาน และดีเซล

กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง 0.4% จากธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ตามปัจจัยฤดูกาล โดยหลักจากการยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น ซึ่งมีกว่า 100 สาขา ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลง 16.8% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งปริมาณจำหน่ายที่ลดลงในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ตามปัจจัยฤดูกาลเช่นกัน

เหตุผลที่ทำให้ OR ขาดทุนมีอยู่หลายปัจจัย โดยฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า OR ขาดทุน เพราะการขาดทุนสต๊อกที่ค่อนข้างสูงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาเร็วและรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายในการปิดเท็กซัส ชิคเก้น ราว 500 ล้านบาท และคาดว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่า

นอกจากนี้ OR ยังถอนการลงทุนในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Kouen, Ono Sushi และร้านอาหารแบรนด์อื่นๆ ธุรกิจที่ OR เข้ามาลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 25% ผ่านบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จำกัด บริษัทย่อย ในเดือนตุลาคม 2564 ในวงเงินไม่เกิน 192 ล้านบาท โดยการขายหุ้นครั้งนี้ขายออกในมูลค่า 110 ล้านบาท

ขณะที่สถานการณ์ตลาดหุ้น IPO ของ OR สะท้อนปัจจัยเชิงลบ เมื่อตอนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งแรก ราคาหุ้นอยู่ที่ 18 บาท แต่ขณะนี้ (ข้อมูลวันที่ 18 พ.ย. 67) ราคาตกมาอยู่ที่ประมาณ 14 บาท ต่ำกว่าตอนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OR เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของ OR ในไตรมาส 4 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจตามสภาพเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มขยายตัวจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งมีวันหยุดและมีการเดินทางสูง รวมไปถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของ OR ในทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจ Mobility ทั้งในด้านการขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station รวมไปถึงการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน กลุ่มธุรกิจ Lifestyle และกลุ่มธุรกิจ Global ตามแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัว