'พิพัฒน์' หารือ 'โรงแรมดุสิตธานี' เตรียมส่งแรงงานไทย ทำงานญี่ปุ่น หลังความต้องการพุ่งสูง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมสำนักงานประกันสังคม ตรวจเยี่ยมแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ที่ขณะนี้ตลาดแรงงานญี่ปุ่นยังต้องการแรงงานจากประเทศไทยอีกมาก โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม และงานบริการงานโรงแรม หลังจากมีโรงแรมของภาคธุรกิจไทย มาลงุทนกิจการในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น



ฝีมือและรสชาติการปรุงรสของเชฟ เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดลูกค้าให้โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมาเป็นกิจการให้บริการนักท่องเที่ยวที่นี่ราว 8 เดือนแล้ว และเป็นห้วงเวลา 8 เดือนที่ชาวญี่ปุ่นเอง หรือชาติ ๆ อื่น หรือแม้แต่คนไทยที่มาเที่ยวเมืองเกียวโต ก็ประทับใจ



การขยายกิจการของโรงแรมดุสิตธานี ที่จังหวัดเกียวโต ทำให้เห็นความต้องการแรงงานไทยในภาคธุรกิจบริการโรงแรม ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก วันนี้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พร้อมคณะจึงมาหารือกับผู้บริหารโรงแรมถึงความเป็นไปได้ที่จะส่งแรงงานไทยมาทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจบริการอย่างโรงแรมมากขึ้น เพราะอย่างโรงแรมดุสิตธานี จังหวัดเกียวโต ขณะนี้มีคนไทยทำงานที่นี่ ราว 20 คน และกิจการก็ยังต้องการมากขึ้น



ล่าสุดโรงแรมดุสิตธานี ได้ลงนามกับองค์กร IM เจแปน เพื่อเตรียมรับฝึกผู้ปฏิบัติงานเทคนิคไทย แล้วทยอยส่งมาทำงานที่ญี่ปุ่นตามความต้องการ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานระบุว่า จะเร่งผลักดันให้เกิดการจ้างแรงงานไทย และฝึกแรงงานที่ต้องการมาทำงานที่นี่ให้พร้อมเช่นกัน



แรงงานไทยที่มาทำงานในญี่ปุ่น มีหลายคนที่เคยทำงานในประเทศไทย และเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 แต่เมื่อมาทำงานในประเทศ ก็ยังรักษาสิทธิ์ตัวเองโดยการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ทำให้ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ตัวเองเช่นกัน



นอกจากธุรกิจบริการแล้ว ภาคอุตสาหกรรมอย่างเช่น บริษัท Kanemi Shokuhin จังหวัดเกียวโต ซึ่งทำธุรกิจปรุงอาหารพร้อมทานวางขายในร้านสะดวกซื้อหลายแห่งในญี่ปุ่น ที่นี่คนไทยทำงานมากถึง 112 คน และก็ยังต้องการอีกมาก แรงงานไทย ที่นี่มีรายได้ระหว่าง 30,000-40,000 โดยไม่รวมโอที มีสวัสดิการตามกฎหมายของญี่ปุ่น ขณะที่เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แนะนำที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มาทำงานต่างประเทศ ก็ยังเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ได้



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังเห็นว่าหากแรงงานไทยเข้ามาศึกษาวิธีการและระบบจนชำนาญ ก็สามารถไปเปิดกิจการในประเทศไทยได้ เพราะมีวัตถุดิบที่ดี แม้แต่บริษัทนี้ก็ใช้วัตถุดิบหลายอย่างจากประเทศไทย