อายัดศพ ‘นัทปง’ หลังชันสูตรพบสารไซยาไนด์ เจอกองอาเจียนข้างตัว ท่านอนผิดธรรมชาติ

ผอ.นิติวิทยาศาสตร์ ยืนยัน พบสาร 'ไซยาไนด์' จากการชันสูตรร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' ผู้สื่อข่าว-ผู้ประกาศช่อง 8 ระดับเป็นอันตรายถึงชีวิต เผย ตั้งแต่ 0.5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตรนับเป็นอันตรายแล้ว แต่รายนี้เกิน

วานนี้ 5 ธ.ค.2568 เวลา 18.30 น. ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เปิดเผยถึงผลการชันสูตรร่างการเสียชีวิตของนายณัฐวุฒิ ปงลังกา หรือ นัทปง ผู้สื่อข่าว-ผู้ประกาศข่าวช่อง 8 ว่า ทางสถาบันฯ ได้รับร่างมาชันสูตรตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตามเกณฑ์พื้นฐานของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์จะต้องมีการตรวจสารพิษวิทยา ในศพทุกรายเพื่อความรอบคอบ ทั้งจากเลือดและสารตกค้างในกระเพาะร่างกายของผู้เสียชีวิต โดยรายนี้ ยืนยันเจอสารตกค้าง คือ สารไซยาไนด์ ในระดับที่เป็นอันตรายทำให้เสียชีวิต เกินกว่า 0.5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เพราะแค่ระดับนี้ก็ทำให้เสียชีวิตแล้ว แต่รายนี้เกิน 0.5 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร

เมื่อถามว่ายังเจอสารอื่นๆ ในร่างกายอีกหรือไม่ นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวน ดังนั้นสารอย่างอื่นก็ขอให้ข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง

ส่วนปริมาณแค่ไหนที่จะถือเป็นการวางยาหรือทำร้ายตัวเองนั้นเป็นไปได้หรือไม่ นพ.วีระกิตติ์ มองว่า เป็นเรื่องของรูปคดี อีกทั้งเราไม่ใช่พนักงานสอบสวน รูปคดีตอนนี้อยู่ในชั้นสอบสวน แต่เมื่อมีโซเชียลออกไปแล้ว เพื่อความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จึงให้ข้อมูลในเบื้องต้นตามความเห็นชอบของผู้บริหารระดับสูงตามที่รายงานไป

เมื่อถามอีกว่าสารระดับนี้จะฟันธงได้เลยหรือไม่ว่าเป็นการวางยาหรือทำร้ายตัวเอง นพ.วีระกิตติ์ ตอบว่า เป็นเรื่องของรูปคดี ตนเองขอไม่ก้าวก่าย แต่สถาบันนิติวิทย์ศ ยืนยันได้ว่าระดับนี้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

ส่วนสารนี้จะมีโอกาสปนมากับอาหารทั่วไปได้หรือไม่ นพ.วีระกิตติ์ ระบุว่า ถ้าหากตอบตามหลักวิชาการ เรามีเคสที่ดัง ๆ ผ่านมาแล้วหลายเคส และล่าสุดเกิดขึ้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ กรณีวางยาชาวต่างชาติ (ชาวเวียดนาม) นอกจากนี้ยังมีเคสที่รอดชีวิตกรณีเป็นเด็กชาย เเพทย์ที่โรงพยาบาลเเม่สอด จังหวัดตาก ถูกช่วยชีวิตได้ทัน โดยเคสนั้นเเพทย์สงสัยก่อน จึงให้สารแก้ฤทธิ์ทัน เเละเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ

ในฐานะคนที่เป็นแพทย์ด้านวิชาการ มองว่าเหตุการณ์ที่สลดครั้งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ปัญหาในรูปคดีเป็นเรื่องของตำรวจที่ต้องดำเนินการ ส่วนบริบทของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์นั้นคือการส่งข้อมูลเหล่านี้ให้กับตำรวจ และอาจจะมีมาตรการที่ร่วมกับทางภาครัฐ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน อย่างเช่นการที่โรงพยาบาลต่างๆ มีสารแก้ไซยาไนด์ ในกรณีที่มีความสงสัยและหาสาเหตุอาการป่วยของคนไข้กะทันหันไม่ได้

ส่วนเรื่องที่ตกค้างต่างๆ นั้น ขอเรียนว่า ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่ใช่นักวิชาการในด้านนี้ การจะให้ข้อมูลด้านนี้ อาจเกินขอบเขตของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามตนขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต