อาชญากรรม

รวบยกแก๊ง! ทีมอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน ทิ้งริมถนนมอเตอร์เวย์ - ‘พร’ ปัดเอี่ยวการตายสามี รับ 'ช่างกิต' จีบ แต่ไม่เล่นด้วย

โดย petchpawee_k

3 ก.พ. 2567

1.2K views

หัวหน้าทีมสืบสวน ภาค 2 แถลงสรุปคดี ช่างกิต ก่อเหตุอุ้มฆ่ามัดมือมัดเท้านายใหม่ ทิ้งริมถนนมอเตอร์เวย์ เผย คำให้การบอกทำไปเพราะปมเหตุขัดแย้งส่วนตัว พบผู้ต้องหาทั้ง 5 ยังให้การที่ไม่ตรงกัน อึ้ง! ช่างกิต พาเมียคนตายไปที่จุดพบศพ ยืนดูเจ้าหน้าที่เก็บศพแบบไม่สะทกสะท้าน  ด้าน "พร" ยันไม่มีส่วนรู้เห็นการฆาตกรรม สามี แต่ยอมรับ "ช่างกิต" มาจีบ ไม่คิดว่าเขาจะเลวร้าย 


วานนี้ (2 ก.พ.67) เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ในฐานะ หัวหน้าทีมสืบสวน ภาค 2 ได้แถลงข่าวที่ สภ.บางปะกง ไล่เรียงสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีการเสียชีวิตของนายใหม่ อายุ 33 ปี ที่ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือกสีแดง นอนตะแคงอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ติดกำแพงรั้วถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ขาเข้า กทม. ตำบลบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา


โดยพล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ระบุว่า จากการวิเคราะห์พยานหลักฐาน เบื้องต้น เชื่อได้ว่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 1 คน มีการเตรียมการและวางแผนมาก่อน ใช้ยานพาหนะนำร่างผู้ตายมาทิ้ง เพื่ออำพรางคดี และมีความสลับซับซ้อนตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าในคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 21.14 น. กลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คน มีการรวมตัวกันที่อู่ซ่อมรถของ ช่างกิต ใน ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ


ก่อนที่ทั้งหมดจะขึ้นรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นมิราจ สีแดง ออกเดินทางไปยังบ้านของผู้ตาย เพื่อเฝ้ารอเวลาผู้ตายออกไปทำงาน และเมื่อผู้ตายได้เริ่มออกเดินทาง กลุ่มคนร้ายได้ขับขี่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด จนถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 2 กิโลเมตร กลุ่มคนร้ายได้ขับรถปาดหน้ารถจักรยานยนต์ผู้ตาย และ ได้ลงมาบังคับผู้ตายให้ขึ้นรถมาด้วย


จากนั้นจึงได้ขับขี่ไปตามเส้นทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจสอบ กล้องวงจรปิดอย่างต่อเนื่อง จนไปถึงจุดที่พบศพ และหลังจากก่อเหตุ ได้กลับไปยังอู่ของช่างกิต อีกครั้งหนึ่ง


เมื่อมีการตรวจสอบขยายผลลงไปอีก พบว่า ก่อนการก่อเหตุประมาณ 6 วัน ช่างกิต ได้ใช้รถยนต์คันก่อเหตุ มายังหมู่บ้านของผู้ตาย เพื่อดูเป้าหมายก่อนแล้ว


ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐาน และ พิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ก่อเหตุทั้งหมด ก่อนขอศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับ และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. ได้จับกุมตัว ช่างกิต ที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และตรวจยึดรถมิซูบิชิ มิราจ แดง ช่างกิตรับสารภาพว่าได้ร่วมกันกับพวกก่อเหตุในครั้งนี้จริง


กระทั่งในช่วงเช้าวานนี้ (2 ก.พ.67) ผู้ถูกกล่าวหาอีก 4 คนที่เหลือ คือ โอ๊ต  นายแท๊ป  นายกรานต์ และ น.ส.นิว ติดต่อเข้ามอบตัว ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพ และนำชี้จุดที่นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปทิ้งไว้ในคลองส่งน้ำ ในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ


เบื้องต้นแจ้ง 8 ข้อหา คือ 1.ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย  2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  3.ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลาย  4.หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น  5.ข่มขืนใจผู้อื่น  6.มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต  7.พาอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาต และ 8.ยิงปืนโดยใช่เหตุในที่ชุมนุมชน ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต

ทั้งนี้ พล.ต.ต.ฉัตรชัย ระบฺว่า ทั้ง 5 คน รู้จักกัน นายโอ๊ต เป็นหลานนายกิต  นิว เป็นแฟนนายโอ๊ต  แท๊ป เป็นเพื่อนโอ๊ต และ กรานต์ ซึ่งนายแท๊ป และ กรานต์เป็นลูกน้องในอู่ที่นายกิตเปิดอยู่


ส่วนจุดที่สังหาร ตามที่ผู้ต้องหาให้การเกิดขึ้นใกล้กับที่เกิดเหตุ ยิงแล้วก็ทิ้งตรงนั้นเลย ซึ่งตั้งแต่หายไปจนถึงทิ้งศพใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า โดยทิ้งศพประมาณเที่ยงคืนกว่า ของคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม


 จากการสอบสวน รวบรวมหลักฐานการเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่าช่างกิตเป็นคนขับ อีก 4 คนนั่งอยู่ในรถ หลังปาดรถของผู้ตายแล้วก็มีชื่อนายโอ๊ต ซึ่งเป็นหลานช่างกิต ได้เอารถไป แล้วเอาตัวผู้าตายขึ้นมาที่รถหลังจากให้การว่าขับรถกลับไปที่อู่ช่างกิต ซึ่งเป็นบ้านของช่างกิต


แต่เหตุการณ์หลังจากนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 5 ยังให้การไม่ตรงกัน ผู้ต้องหาทั้ง 4 ให้การว่าไม่ได้ร่วมไปตลอดเหตุการณ์ โดยช่างกิต ให้การรับ เป๊นคนลั่นไก และตอนเอาไปทิ้ง ไปกัน 3 คน  แต่ผู้ต้องหาอีก 4 คนที่เหลือให้การว่า ช่างกิตไปคนเดียว โดยอ้างว่า หลังจากที่ช่างกิต นำผู้ตายมานั่งเคลียร์ที่อู่เสร็จแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่เห็นเหตุการณ์แล้ว


ส่วนการมัดมือมัดเท้าเกิดขึ้นก่อน หรือหลังการเสียชีวิต พล.ต.ต.ฉัตรชัย เผย คาดว่าน่าจะก่อนเสียชีวิต สำหรับประเด็นที่ว่า ใครเป็นคนแชทหาภรรยาของผู้ตาย ทาง พล.ต.ต.ฉัตรชัย ระบุว่า ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้โทรศัพท์ผู้ตาย รวมถึงอาวุธปืนก็ยังไม่ได้

แต่จากการที่สอบสวนมา 10 กว่าชั่วโมงช่างกิตก็ยังไม่ได้ให้การที่ตรงกับความเป็นจริง อย่างรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงหลายเรื่องยังขัดแย้งกันอยู่


เมื่อสอบถามว่า หลังจากกลับมาที่อู่แล้วทั้ง 4 เริ่มให้การไม่ตรงกัน เหมือนกับมีการเตี๊ยมกันหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรชัย บอกว่า ตำรวจก็ตั้งประเด็น แต่เดี๋ยวก็จะมีการเอาเสื้อผ้าไปตรวจดูคราบเขม่า เพราะการยิงก็ต้องยิงบนรถ เพราะฉะนั้นคนที่จะไปด้วยหรือไม่ไปด้วยบนรถมันต้องมีคราบเขม่า

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การเอาขึ้นรถไป ตั้งใจที่จะไปเคลียร์หรือ เอาชีวิต พล.ต.ต.ฉัตรชัย ระบุว่า ตั้งใจไปเคลียร์ ตามคำให้การอ้างว่า เกิดบันดาลโทสะ เคลียร์กันไม่ลงตัว โดยเจ้าตัวอ้างว่ามีปัญหาเรื่องส่วนตัว แต่จากข้อมูลแล้ว ผู้ตายกับ ช่างกิต ไม่เคยคุยกันมาก่อน แล้วทำไมจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัว พล.ต.ต.ฉัตรชัยบอกว่า อาจจะมีตัวต่อตัวกลางอีกตัวหรือไม่ กำลังหาข้อมูลอยู่


ส่วนประเด็นเรื่องภรรยาผู้เสียชีวิตนั้น นายกิตยังไม่ให้การเกี่ยวกับภรรยาผู้เสียชีวิต และตอนนี้ตำรวจยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนแชทหาภรรยาผู้ตาย เพราะยังไม่ได้โทรศัพท์ เพราะยังให้การเรื่องของกลางไม่ตรงกัน


จากการที่สอบปากคำนายกิต อ้างว่า รู้จักกับภรรยาผู้ตาย มาประมาณ 3 เดือน และประเด็นที่ว่าชอบภรรยาผู้ตายหรือไม่ ช่างกิตยังไม่ให้การตรงนี้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน คิดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะจบแค่ในวงนี้ ไม่มีผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง


ด้าน พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดเผยว่า หลังนายกิต ก่อเหตุเเล้วมีการโทรหา น.ส.พร เเละ พูดคุยกันตามปกติ เเต่หลังจากนี้จะต้องเรียก นส.พร มาสอบปากคำเพิ่มเติม เเละมีการตรวจสอบข้อความสนทนาที่ใช้ในมือถือ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุหรือไม่ เพราะก่อนหน้านีที่เรียก นส.พรมาสอบสวน เพื่อสอบถามความสงสัยหลังสามีเสียชีวิตว่าสงสัยใคร เมื่อมีข้อเท็จจริงเป็นคนที่รู้จักกัน หลังจากเสร็จงานศพ จะเรียกมาสอบขยายผลเพิ่มเติม เวลานี้ยังคำนึงถึงในฐานะผู้เสียหาย คำนึงความสูญเสีย ศักดิ์ศรี มนุษยชน สิทธิสตรี


 หลังผู้ตายขึ้นรถเเล้ว ก็มีการบังคับ เจราจา ก่อนพาไปที่บ้านของช่างกิต เเต่หลังจากนั้นคำให้การ ยังไม่ตรงกัน อยู่ระหว่างตรวจสอบวงจรปิดในอู่ ทั้งนี้คาดว่ามีการมัดตัวเเล้ว นำผู้ตายออกมาจากอู่ นำไปก่อเหตุบริเวณถนนมอเตอร์เวย์ จุดที่ใกล้กับที่ทิ้งศพ โดยนายกิต เป็นคนขับรถ เเละคนยิง ขณะที่รถจอด เพราะผู้ตายถูกมัดมือ มัดเท้า


 พล.ต.ต.นเรวิช ยืนยืนว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ต้องรักษาความยุติธรรม ใครทำผิดก็ต้องรวบรวบหลักฐานเพื่อจับกุมมาให้ได้ ซึ่งความยุติธรรม และใครทำอย่างไร ก็ได้รับอย่างนั้น ยืนยันว่า สิ่งที่สังคมคาใจ ตำรวจจะเร่งหาพยานหลักฐานพิสูจน์หลังจากนี้


ขณะที่ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย นักวิทยาศาสตร์ สบ.5 รองผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 เปิดเผยว่า คดีนี้ได้ติดตามแต่ช่วงแรก และพูดคุยในชั้นสืบสวน ได้ลูกกระสุนมาจากศพผู้ตาย ได้พูดคุยกับนิติเวช และวิเคราะห์รูปแบบของลูกกระสุน และพบว่า ยิงมาจากปืนที่หาได้ง่ายๆ ที่ชอบเอามาดัดแปลงเล่น


พอเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.67) สิ่งที่พบมีรถของกลาง รถเก๋ง และมอเตอร์ไซค์ กระบวนการพยามแยกตัวผู้กระทำความผิดตัว ผู้มีส่วนร่วม สถานที่ที่เกิดเหตุว่าเป็นแบบไหน แยกโซนของการเก็บดีเอ็นเอ เพื่อดูว่าผู้มีส่วนร่วมของแต่ละโซนมีใครบ้าง คำให้การสอดคล้องกับดีเอ็นเอที่ปรากฏหรือไม่  พร้อมกันนี้ ยังได้วิเคราะห์เขม่าดินปืนที่อยู่ในรถเบื้องต้น เพื่อให้ดูว่าสิ่งที่พบในรถ มีความเชื่อมโยงกับคำให้การหรือไม่อย่างไร


ขณะเดียวกัน ในตัวผู้ตายได้มีการแยกวัตถุพยานต่างๆเพื่อเป็นการบ่งชี้ได้ว่า เชือกก็ดี หรือ area ที่ผู้ตายไปสัมผัสผู้กระทำ มีอะไรปนเปื้อนหรือไม่ โดยเก็บค่อนข้างละเอียด แบ่งเป็นโซนต่างๆ ตอนนี้ได้มีการบูรณาการข้ามเขต ประสานไปยังพิสูจน์หลักฐาน 1 จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อร่วมในการตรวจค้นบางพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงบริเวณที่ไปค้นทั้งสี่จุดเพิ่มเติมว่า มีความสัมพันธ์อย่างไร


ส่วนในรถเก๋ง ของกลางมีบางส่วนที่หายไป ตอนนี้ก็กำลังให้ไปดูว่า ชิ้นส่วนเบาะด้านหลัง อยู่ที่ไหน เพื่อมาวิเคราะห์สภาพของเลือด และดูว่ายิงแบบไหนอย่างไร เบื้องต้นพบ ร่องรอยของเลือด ในรถ แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นเลือดของผู้ตายหรือไม่ ต้องเข้าสู่กระบวนการของดีเอ็นเออีกครั้งหนึ่ง


ส่วนผลของการตรวจในเบื้องต้น ของนิติเวช ระบุว่าน่าจะยิงที่ไม่ใช่ระยะประชิดติดผิวหนัง ไม่ใช่เอาลำกล้องแนบศรีษะ อาจจะมีระยะห่างของตัวศีรษะผู้ตาย กับบริเวณปลายลำกล้องปืนระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก เบื้องต้นเป็นหัวกระสุนขนาด .380 ก็คือ 9 มม.ขนาดเล็ก แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นจะต้องปืนของกลางมาก่อน เพราะมีเอกลักษณ์ค่อนข้างชัดเจน


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม สำหรับทีมอุ้มฆ่านายธนาสันต์ อายุ 33 ปี ด้วยการก่อเหตุยิงและนำร่างไปทิ้งริมถนนมอเตอร์เวย์ ประกอบด้วย นายกิตติโชติ หรือช่างกิต พร้อมด้วยหลานชาย แฟนของหลานชาย และลูกน้องในอู่อีก 2 คน แต่ต่อมาแฟนของหลานชายและลูกน้องในอู่ 1 คน เกิดเปลี่ยนใจและไม่ขอร่วมก่อเหตุด้วย ทำให้มีผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมด 3 คน คือ นายกิตติโชติ หลานชายของนายกิตติโชติ และลูกน้องในอู่ 1 คน ส่วนแฟนของหลานชายและลูกน้องในอู่ 1 คนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ แต่รู้ว่าจะมีการก่อเหตุครั้งนี้ขึ้น


รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่นายกิตติโชติก่อเหตุยิงนายธนาสันต์นั้น พบว่าหลังจากนายกิตติโชติอุ้มนายธนาสันต์ขึ้นรถไปนั้น นายกิตติโชติได้ส่งมือถือของนายธนาสันต์ให้หลานชาย เมื่อบังคับให้เปิดมือถือ ได้พบข้อความบาดใจ เป็นข้อความที่ น.ส.พร ภรรยาของนายธนาสันต์ แชทพูดคุยกับนายธนาสันต์ ในลักษณะที่ยังรักกันอยู่ และพูดคุยถามถึงอาการป่วย ทำให้นายกิตติโชติเกิดหึงหวงและโกรธ จึงลงมือสังหารนายธนาสันต์ในรถและนำร่างไปทิ้ง

----------------------------------

ภายหลังมีการจับกุมช่างกิตได้ ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า แล้ว น.ส.พร ผู้เป็นภรรยา ซึ่งแอบคบซ้อนกับช่างกิต มีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมครั้งนี้ด้วยหรือไม่


น.ส.วรรณพร ภรรยาผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า รู้จักกับ ช่างกิต เกือบๆ 1 เดือน เขาเป็นหัวหน้างาน ช่างกิตมาจีบเราโดยที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเรามีสามีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังจะจีบเรา


วันที่ไปพบศพใหม่ ที่มีภาพว่าตนไปดูศพพร้อมกับช่างกิต ตนโทรไปหาน้องชายของใหม่ แต่เราร้อนใจทนรอไม่ไหว จึงโทรหาช่างกิต เพราะเรานึกถึงใครไม่ออกแล้ว ก็เลยโทรหาให้เขามาช่วยขับรถให้ แต่วันที่ไปเจอศพ เขาไม่มีอาการไม่มีพิรุธอะไรกับเราเลย ทำให้เราไม่เคยคิดสงสัยเลยว่า เขาจะเลวมากถึงขั้นมาฆาตกรรมคนที่เรารักได้อย่างโหดร้ายขนาดนี้


ส่วนเรื่องคีย์การ์ดหมู่บ้านที่กิตใช้เข้าหมู่บ้านพร ไม่ได้ให้ใครไป แต่คีย์การ์ดหายไปจากรถ มารู้ว่าหายไปก็ตอนที่จะเข้าหมู่บ้านแล้วหาไม่เจอ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเอาไป พร ทราบดีว่า สังคมกำลังตั้งข้อสงสัยในตัวพร ว่ามีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมสามี ซึ่งตนก็คงไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเราไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คนอื่นคิด


ตอนนี้สภาพจิตใจตอนนี้ย่ำแย่มาก ก็ไม่อยากจะตอบคำถามใครอีกแล้ว หลังจากนี้ถ้ามีใครจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป เพราะความจริงก็คือความ พร้อมต่อว่าช่างกิต ว่าไม่คิดว่าจะเลวระยำขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมาทำคนที่เรารัก


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/yiTIvYo8RdI


คุณอาจสนใจ