อาชญากรรม

'บิ๊กโจ๊ก' ย้ำ ตร.น้ำเสียต้องตัดทิ้ง ชี้ 'กำนันนก' ออกที่เกิดเหตุหลังสุด เชื่อรอดูสถานการณ์เรียบร้อยก่อนหนี

โดย passamon_a

17 ก.ย. 2566

836 views

'ด.ต.ชนาณัฐ-ด.ต.สราวุธ' คนที่ช่วยเหลือยกร่าง 'สารวัตรแบงค์' ขึ้นรถส่งโรงพยาบาล เข้าให้ปากคำ ทั้งคู่ไม่พร้อมให้ข่าว ปฏิเสธเล่าเหตุการณ์คืนเกิดเหตุในงานเลี้ยงกำนันนก


ด้าน 'บิ๊กโจ๊ก' ย้ำตำรวจน้ำเสียต้องตัดทิ้ง ยันกำนันนก ออกที่เกิดเหตุหลังสุด เชื่อรอดูสถานการณ์เรียบร้อยก่อนหนี เตรียมฟันเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละหน้าที่ จนกำนันนกเหิมเกริม  



เมื่อวันที่ 16 ก.ย.66 คณะทำงานชุดคลี่คลายคดีสารวัตรแบงค์ ถูกยิงจนเสียชีวิตของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เรียก ด.ต.ชนาณัฐ วุฑฒยากร ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. และ ด.ต.สราวุธ เชียงทอง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม


ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิดในงานเลี้ยงกำนันนก คืนเกิดเหตุ และให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ ยกร่างขึ้นรถส่งโรงพยาบาล หลังสอบปากคำใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง ด.ต.ชนาณัฐ เดินออกจากห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่เจ้าตัวปฏิเสธให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่า "ยังไม่พร้อม ถ้าพร้อมเดี๋ยวให้ข่าวนะครับ" ก่อนจะยกมือไหว้ผู้สื่อข่าว


จากนั้นผู้สื่อข่าวขอให้ ด.ต.ชนาณัฐ ช่วยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง รวมถึงให้การช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และ พ.ต.ท.วศิน อย่างไรบ้าง มีผู้บังคับบัญชานายใดได้สั่งให้ช่วยเหลือสารวัตรแบงค์ และ พ.ต.ท.วศิน หรือไม่ แต่เจ้าตัวไม่ตอบ ก่อนจะรีบเปิดประตูเดินเข้าไปภายในห้องสอบสวน


เวลาต่อมา ด.ต.สราวุธ เชียงทอง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เดินออกจากห้องสอบสวนไปห้องสอบสวนอีกห้องหนึ่ง ผู้สื่อข่าวก็พยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวไม่ตอบหรือให้ข้อมูลใด ๆ กล่าวสั้น ๆ ว่า "ให้ปากคำไปหมดแล้วอยู่ในสำนวน"


ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าคดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. มีการเปิดภาพกล้องวงจรปิดให้ดูแล้วว่าคนที่ช่วยเหลือคนเจ็บเป็นใคร วันนี้ (16 ก.ย.) ก็จะมาแยกให้เห็นว่าใครทำผิดอะไรบ้าง


ใครให้การเท็จก็เข้ากฎหมายอาญา แล้วใครละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งหน้าแล้วไม่จับ หรือจับแล้วปล่อยตัว หรือยึดปืนมาแล้วเอาปืนไปห่อ แล้วให้เอาไปฝัง ก็จะผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ม.157


"ส่วนวงจรปิดที่เปิดเผยทั้งหมดไม่ได้ เพราะรายละเอียดเป็นความลับในสำนวน ถ้าเปิดทั้งหมดทนายของเขาก็รู้เท่าเราก็จะทำให้ทำงานลำบากขึ้น วันนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือเอาคนผิดไปลงโทษให้ได้ ดังนั้นจะอย่างไรก็ได้ที่จะเอาคนผิดไปลงโทษ"


โดยคณะกรรมการก็จะประชุมพิจารณา กับตำรวจและพลเรือน ตำรวจที่ทิ้งหน้าที่ ไม่จับกุมนายหน่อง และไม่จับกุมกำนันนกที่เป็นผู้สั่งยิง ตำรวจที่ไม่รักษาสถานที่เกิดเหตุ ตำรวจที่ให้การเท็จ เหล่านี้เป็นความผิดทั้งสิ้น เดี๋ยวจะไปแยกว่า ผิดเรื่องอะไรบ้าง


ส่วนการกู้ภาพลักษณ์ตำรวจได้อย่างไรบ้างนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า การที่ตนเข้าใจจากเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย หากตนเองประชาชนก็คงหมดความเชื่อมั่นและศรัทธากับตำรวจ แต่วันนี้องค์กรนี้ก็จะยังอยู่คู่กับสังคมไทย


"วันนี้ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับบริหารก็มองว่า ตำรวจไม่ใช่ว่าจะเป็นส่วนใหญ่ ถ้าตำรวจไม่มีส่วนใหญ่ก็มีองค์กรมาได้ถึง 108 ปี วันนี้ส่วนน้อยที่เป็นน้ำเสียก็ต้องตัดทิ้งออกไป ต้องทำให้โปร่งใส และแน่วแน่แก้ไขสิ่งที่ผิด วันนี้ทุกอย่างต้องเดินหน้าทำทุกอย่างให้ประชาชนเห็นถึงความโปร่งใส"


ในเวลาต่อมา ทีมข่าวช่อง 3 ได้โทรสัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ย้ำว่า หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจนแล้วว่า ทั้งตำรวจและพลเรือนที่อยู่ในงานเลี้ยงกำนันนก ใครทำหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งตำรวจเกือบทั้งหมด ให้การไม่ตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่หลบหนีทันทีหลังเกิดเหตุ ซึ่งนอกจากจะเข้าข่ายให้การเท็จจริงแล้ว ยังเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


โดยหลังจากนี้ หากการพิจารณาความผิดชัดเจน จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม โดยไม่จำเป็นต้องออกหมายจับ เนื่องจากตำรวจทั้งหมด ไม่ได้หลบหนี ส่วนกำนันนก พบว่ามีการออกจากที่เกิดเหตุภายหลัง เชื่อว่า เพราะต้องการดูให้สถานการณ์ให้เรียบร้อยก่อน


สำหรับกล้องวงจรปิด 2 ตัว ซึ่งจับภาพบริเวณโต๊ะจีนของกำนันนก เมื่อตรวจสอบ พบว่าหนึ่งในนั้นไม่ได้ใช้งานตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม ส่วนกล้องอีกตัว มีภาพถึงแค่เวลา 10.16 น. ของวันเกิดเหตุ ซึ่งกำนันนกเป็นผู้กดปิดกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง โดยเชื่อว่าไม่ได้เกิดความตั้งใจที่จะก่อเหตุยิงตำรวจทางหลวงตั้งแต่แรก แต่น่าจะเพราะไม่ต้องการให้มีการจับภาพส่วนตัวขณะร่วมงานเลี้ยง ที่หากถูกเผยแพร่ไปอาจไม่เหมาะสม


เช่น มีการสั่งให้บุคคลอื่นถอดเสื้อกระโดดน้ำ จึงมีการปิดกล้องวงจรปิดล่วงหน้าก่อนเริ่มงานเลี้ยง มีความมึนเมา และความเหิมเกริมมาประกอบ ทำให้เหตุการณ์เลยเถิด จนนำไปสู่การสั่งยิง พันตำรวจตรีศิวกร สายบัว สารวัตรสืบสวนทางหลวง 1 หรือ สารวัตรศิวกร


โดยสาเหตุหลัก เชื่อว่ามาจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งของสารวัตรศิวกร ที่ตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกินอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตำรวจทางหลวงในพื้นที่ รวมถึงผู้บังคับบัญชาของสารวัตรศิวกร รู้จักสนิทสนมกับกำนันนกมานาน เมื่อสารวัตรศิวกรย้ายมาใหม่ จึงมีความพยายามนัดให้มาทำความรู้จักกับกำนันนก ซึ่งเมื่อไม่สามารถพูดคุยตกลงกันได้ ประกอบกับมึนเมา อาจทำให้กำนันนกเกิดความไม่พอใจ และสั่งให้นายหน่อง ยิงสารวัตรศิวกร


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 19 กันยายน เวลา 10.00 น. จะนัดประชุมหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สตง. ป.ป.ช. ปปง. ปปท. กรมบัญชีกลาง และกรมสรรพกร เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับกำนันนกเพิ่มเติม โดยจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน, การหลีกเลี่ยงภาษี และการฮั้วประมูลกว่า 1,500 โครงการ


ซึ่งหากเข้าความผิดมูลฐาน เช่น ร่ำรวยผิดปกติ, หลบเลี่ยงภาษีอากร อาจถูกยึดอายัดทรัพย์ด้วย ยืนยันจะมีการตรวจสอบย้อนหลังทุกคดี โดยเฉพาะ คดีที่มีการใช้อาวุธปืน ที่เกี่ยวข้องกับกำนันนกในเรื่องธุรกิจ หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือปล่อยปละหน้าที่ จนทำให้กำนันนกมีความเหิมเกริม โดยจะต้องดำเนินการเด็ดขาด ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เพราะตนเองไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว ก็จะดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างเต็มที่



รับชมทางยูทูบที่ :  https://youtu.be/JCDXIaZHrqs

คุณอาจสนใจ

Related News