อาชญากรรม

รวบแล้ว! ลูกชายเจ้าของโรงงานพริก ยิงรัวคู่กรณีดับคาโรงพัก ญาติคาใจปม ตร.จับช้า ลั่นไม่อโหสิกรรม

โดย petchpawee_k

17 ธ.ค. 2565

195 views






วานนี้ (16 ธ.ค.65) เวลา 15.00 น. เกิดเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นที่บริเวณห้องสอบสวนชั้น 2 ของ สน.ทุ่งสองห้อง ซึ่งมูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าในห้องสอบสวนชั้น 2 มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคนเสียชีวิตคือ นายคมสัน อินทฤทธิ์ หรือม่อน อายุ 33 ปี อาชีพเจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ สภาพบาดแผลถูกยิงเข้าตามลำตัว 5 นัด นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น กู้ภัยพยายาม  CPR แต่ไม่เป็นผล


ส่วนคนบาดเจ็บคือ นายอนุสร วิชาธร อายุ 33 ปี ทนายความของผู้ตาย ถูกอาวุธปืนไป 3 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งนำส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์บางแค


ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อต่อมา คือ นายพีรสิน หรือพี อายุ 27 ปี ลูกเจ้าของโรงงานซื้อขายพริกรายใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากก่อเหตุยิงเสร็จ ได้วิ่งจากชั้น 2 ลงมาหลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ


สำหรับมูลเหตุที่เกิดขึ้น มาจากเมื่อช่วงเย็น วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายพีรสิน มือปืน ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวออกจากบ้านพักย่านพระราม 2 ไปรับสินค้าประเภทพริก ที่ถนนเพชรเกษม  ขณะที่นายพีรสิน ขับรถจะนำสินค้ากลับบ้านพัก เพื่อรอเวลาไปส่งต่อให้กับลูกค้า 


ขณะที่ขับรถมาทางตรงเลนขวาสุด ช่วงระหว่างซอยเพชรเกษม 90-92  สังเกตเห็นรถของคู่กรณี ขับเข้ามาประกบจากทางด้านซ้าย จากนั้นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวได้เปิดกระจกขว้างขวดใส่ตัวถังรถของนายพีรสิน จนเกิดเสียงดังที่ประตูฝั่งคนนั่ง โดยไม่ทราบสาเหตุ  ไม่ได้มีเรื่องราวปาดหน้าหรือมีปัญหาใดๆ กันมาก่อน นายพีรสิน จึงได้จอดรถ และเอื้อมมือไปหมุนกระจกฝั่งคนนั่งข้างๆ ลง เพื่อจะสอบถามว่าคู่กรณีทำแบบนี้ทำไม


โดยระหว่างที่นายพีรสิน เอี้ยวตัวไปลดกระจกลงนั้นได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิป เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานด้วย แต่พออีกฝั่งเห็นดังนั้น จึงใช้ขวดเครื่องดื่มชูกำลังขว้างใส่เข้ามาในรถอีก 1 ครั้ง ทำให้ขวดกระแทกมือถือของ นายพีรสิน จนหล่นได้รับความเสียหาย ซ้ำร้ายในระหว่างที่นายพีรสิน กำลังเอื้อมมือปิดกระจกฝั่งคนนั่งข้างๆ เพื่อเตรียมจะขับหลบหนีเพราะเห็นท่าไม่ดี คนร้ายที่เป็นคนขับรถคู่กรณีก็ได้ลงจากรถมาพร้อมเพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่เบาะหลังอีก 1 คน เข้ามารุมกระชากมือนายพีรสิน ที่พยายามหมุนกระจกรถขึ้น ทำให้ลำตัวนายพีรสิน ที่ต้องเอี้ยวจากฝั่งคนขับ ถูกคนร้ายดึงโผล่ออกไปทางหน้าต่างประตูฝั่งคนนั่งข้างๆ


ตามด้วยการถูกรุมทำร้ายด้วยการใส่สนับมือชกต่อยที่ใบหน้าหลายครั้งจนได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีและหน่วยกู้ภัยต้องรีบนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์บางแค ให้แพทย์รักษาอาการดั้งจมูกหัก ฟันหัก 3 ซี่ เบ้าตาบวมปิดทั้ง 2 ข้าง และมีเลือดออกนัยน์ตาทั้ง 2 ข้าง อาการสาหัส


โดยหลังเกิดเหตุญาติๆ นายพีรสิน ได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook และนำคลิปเหตุการณ์ในขณะที่นายพีรสิน ถูกก่อเหตุกลางถนนมาลง Social Media เพื่อหาเบาะแส กระทั่งตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ ซึ่งก็คือ นายม่อน ซึ่งจากคลิปบางช่วงบางตอนจะเห็นลักษณะคล้ายทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังปรากฏเป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย


กระทั่งวานนี้ พงนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาตกลงกันที่โรงพัก โดยผู้ตาย ได้มาพร้อมกับทนายความ เพื่อเจรจาชดใช้ค่าสินไหมทั้งกรณีทำร้ายร่างกายนายพีรสิน จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกรณีรถเฉี่ยวชนกันทำให้ยานพาหนะได้รับความเสียหาย


ระหว่างที่ นายพีรสิน เรียกร้องค่าเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 9 ล้านบาท ต่อหน้าพนักงานสอบสวนนั้น ปรากฏว่า ฝ่ายผู้ตายปฏิเสธยืนกราน ว่าไม่สามารถชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้ได้ ทางพนักงานสอบสวน จึงสรุปจะส่งสำนวนคดีฟ้องต่อศาล ทันใดนั้น นายพีรสิน ซึ่งทีแรกออกไปยืนสงบสติอารมณ์อยู่ด้านนอกห้องปฏิบัติการสอบสวน ก็เดินเข้ามาหาคู่กรณีและทนายความที่กำลังนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะพนักงานสอบสวน ก่อนตะโกนถามว่า "แล้วมึงทำกูทำไม" จากนั้นยกมือไหว้ พ.ต.ท.กฤษณะ เจ้าของคดี พูดว่า "ผมขอโทษครับ" ก่อนจะชักอาวุธปืนขนาด 9 มม.ออกจากกระเป๋าสะพาย ซัลโวใส่คู่กรณี 8 นัด

นี่คือภาพวงจรปิดที่นายพีรสิน ก่อเหตุแล้วพยายามหลบหนี ซึ่งจะเห็นว่าผู้คนบริเวณนั้นต่างตกใจแตกตื่น ซึ่งนายพีรสิน ได้วิ่งลงมาจากห้องสืบสวนชั้น 2 ขึ้นรถกระบะตู้ทึบสำหรับส่งของยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ที่จอดอยู่หน้าทางขึ้น สน. ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่คาดว่าหลบหนีกลับไปบ้านพักที่ย่านถนนพระราม 2 


ต่อมา เวลา 18.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำกำลังฝ่ายสืบสวน บช.น., สน.หลักสอง และ บก.น.9 เข้าจับกุมตัว นายพีรสิน  โดยติดตามไปควบคุมตัวได้ที่บ้านพักถนนพระราม 2 ซอย 51 ขณะกำลังนั่งทานข้าวเย็น ซึ่งขณะนั้นผู้ต้องหายังไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และยังปฏิเสธว่านำอาวุธปืนของกลางไปซุกซ่อนไว้ที่ใด ก่อนจะเชิญตัวไปสอบสวนและสอบปากคำอย่างละเอียด ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ก่อนมอบให้พนักงานสอบสวน สน.หลักสอง แจ้งข้อหาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ขณะที่บรรยากาศที่ สน.หลักสอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเสร็จสิ้น ร่วมกตัญญูได้นำร่างของนายม่อนขึ้นรถตู้ร่วมกตัญญู เพื่อนำไปส่งชันสูตรพลิกศพที่ รพ.ศิริราช ก่อนจะให้ญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาลนาวันนี้ (17 ธ.ค.65) เวลา 13.00 น.


เมื่อกู้ภัยนำร่างของนายม่อนขึ้รถเสร็จ นางสาวปภาดา ภรรยาพร้อมลูกน้อยวัย 1 ขวบ / นางสาวจันทร์ภัสสร  ลูกพี่ลูกน้อง  เข้ามาดูร่างด้วยน้ำตา ซึ่งภรรยาได้เอามือจับขาของสามีไว้ตลอดเวลา ขณะที่ลูกน้อย เกาะหลังแม่ร้องไห้ตลอดเวลา

จากนั้นนางนุชนาช แม่ของนายม่อนผู้เสียชีวิต เดินทางจากบางแสน จ.ชลบุรี มาถึง สน. เธอได้สวมกอดกับหลานสาว และภรรยาของนายม่อนทั้งน้ำตา พร้อมพุ่งตรงไปหาร่างของลูกที่รถร่วมกตัญญูซึ่งคุณแม่เรียกชื่อลูก ม่อนๆ ตลอดเวลา และได้พูดกับร่างของลูกทั้งน้ำตาว่า


“ทำไมมันเลวขนาดนี้ มันทำได้ยังไง ใครจะดูแลแม่ มันถึงต้องฆ่ากันเลยเหรอ มัน คนหรือเดรัจฉานมาเกิดไอ้คนยิง จิตใจมันทำด้วยอะไร แค่ขี่รถเฉี่ยวกันมันทำลูกแม่ถึงขนาดนี้เลยหรอ  


แม่กำลังหาเงินมาจ่ายมัน แต่มันเรียกตั้ง 9 ล้าน มันจะเอาไปทำอะไร มันจะเอาไปเผาบรรพบุรุษมันหรอ ทำไมต้องยิงลูกแม่ แล้วลูกของเอ็งจะอยู่กับใคร แม่จะอยู่ยังไงม่อน


แม่ขอให้เวรกรรมตามมันไปทุกภพทุกชาติเลย ไม่อโหสิให้มันหรอก ทำลูกแม่ถึงขนาดนี้ ม่อนไปอยู่ภพภูมิที่ดีนะลูก”


ทั้งนี้ คุณแม่ของม่อน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้รู้แค่ว่าลูกชายกับมือยิงขับรถเฉี่ยวกันแค่นั้น เพราะม่อนจะไม่บอกอะไรที่ทำให้แม่ทุกข์ใจ


พร้อมบอกถึงลักษณะนิสัยของม่อนว่าเป็นคนดี เป็นคนรักครอบครัว ดูแลทุกคน ส่วนนิสัยเวลาขับรถจะอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ แต่แม่ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ส่วนที่เรียกเงินถึง 9 ล้านมองว่าเกินไป

ต่อมา ภรรยาของนายม่อน ยืนยันว่าเหตุการณ์วันนั้น มีเรื่องกันบนท้องถนนปกติ จากนั้นอีกฝั่งจอดรถ ถ่ายคลิปที่อีกฝ่ายโพสต์ มันไม่พอใจเพราะมีพยานที่พูดความจริงว่ามีหลายคนลงไปห้าม


แต่อีกฝั่งบอกว่ารุม ตนยืนยันว่าไม่ได้รุม หลานที่ไปด้วยกันให้การกับตำรวจว่า ไม่ได้รุมมีเพียง ม่อนเท่านั้นที่ต่อย ส่วนเรื่องคดีทำตามขั้นตอนทุกอย่างเพราะอยากจบเรื่อง


ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าถึงการมาไกลเกลี่ยวานนี้ ว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด และตั้งข้อสังเกตว่าเอาปืนมาบนโรงพักชั้น 2 ได้ยังไง ซึ่งก่อนจะยิง  อีกฝ่ายลงมาด้านล่าง ซึ่งเป็นเวลาไม่นานแล้วกลับขึ้นไป พร้อมกับจ่อยิงหมดแม็กทันที แล้วมือยิงก็วิ่งออกมา ขณะที่ภรรยาของอีกฝั่งนั่งรออยู่ ส่วนตัวมองว่าภรรยารู้เห็นกับสามีด้วยอย่างแน่นอน


หลังจากที่ยิงเสร็จตำรวจที่อยู่ตรงนั้น งงกันหมด ขณะที่ลูกพี่ลูกน้อง กล่าวเสริมว่า พอยิงเสร็จตำรวจไม่ตามเลย และลงจากชั้น 2 ทั้งด้านบนและด้านล่างมีตำรวจปฎิบัติงานเต็มไปหมด แล้วที่จอดรถมีแค่นี้ คนร้ายต้องขึ้นรถ  กว่าจะสตาร์ทรถ กว่าจะขับรถไป ถนนก็แคบ ถ้าตำรวจ มีการทำงานที่ไม่ละหลวมและกระตือรือร้นมากกว่านี้ เข็มแข็งกว่านี้ คงจะจับได้เลย ทำไมไม่สะกัดจับ ทำไมถึงปล่อยให้หนีไปได้ ซึ่งคนในครอบครัวทุกคนติดใจประเด็นการทำงานของตรวจและการไม่ตรวจอาวุธทุกคน

ลูกพี่ลูกน้องนายม่อน ยังเล่าว่า ตอนเกิดเหตุมีตำรวจผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่า “งงเหมือนกัน คิดว่าตำรวจยิงประชาชน” ตนขอตั้งคำถามว่าตำรวจคิดว่า ตำรวจยิงประชาชนแล้วก็นั่งอยู่เฉยๆแบบนี้ก็ได้หรอ” พูดมาได้ยังไงเมื่อพูดเสร็จภรรยาและลูกพี่ลูกน้องของผู้ตายถามว่า “สามีและพี่ชายตนคงไม่ตายฟรีหรอกมั้ง”

ขณะเดียวกันที่ภรรยาและลูกพี่ลูกน้องนายม่อน ให้สัมภาษณ์อยู่นั้น แม่ผู้ตาย ถามกับลูกสะใภ้ว่า “เอ้า แล้วตำรวจทำอะไร” เธอตอบกลับไปว่า “ก็นั่งไงแม่” และเล่าต่อว่า จากนั้นตำรวจงงอยู่สักพักหนึ่ง ถึงจะวิ่งลงมาตามคนร้าย

จากนั้นเวลา 20.00 น. ภายหลังตำรวจสามารถจับกุมนายพีรสิน และนำตัวไปสอบปากคำที่ บก.9 แล้ว

ตำรวจได้นำตัว นายพีรสิน มายัง สน.หลักสอง จากนั้นพ่อของนายพีรสิน มือยิงเดินทางมาถึง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าจะยื่นประกันตัวเลยหรือไม่ พ่อของนายพีรสิน ไม่ได้ตอบคำถามแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันนั้น แม่ของนายม่อน ผู้เสียชีวิตยืนอยู่หน้าห้องประตูห้องสืบสวน ได้ตะโกนถามพ่อมือยิงว่า “พ่อฝากถามมันหน่อยดิ พ่อสอนมาแบบนี้หรือไง ถึงได้เหี้ยแบบนี้”

ต่อมาสักพักหนึ่ง ตำรวจได้คุมตัวนายพีรสิน มือยิงออกจากห้องปฏิบัติการสืบสวนมาสอบสวนต่อที่ ชั้น 2 ของโรงพัดซึ่งขณะนั้นนายพีรสิน พยายามเอาเสื้อแจ็คเก็ตคุมตัวไว้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ยิงจริงหรือไม่  สาเหตุเกิดจากเคลียร์เรื่องเงินไม่ลงตัวใช่หรือไม่  เรียกร้อง 9 ล้านเอาไปทำอะไร  อยากชี้แจงหรืออยากขอโทษอะไรหรือไม่ นายพีรสิน ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด


ขณะที่บริเวณบันไดทางขึ้นชั้น 2 สน.หลักสอง ครอบครัวของนายม่อน โดยเฉพาะแม่ และภรรยา ยืนตะโกนรอต่อว่าอยู่ โดยมีตำรวจตั้งแถวเรียงตัวเป็นแนวกั้นไว้ ซึ่งคำด่ามาเต็มทั้ง “ไอ้เลว ไอ้ควาย ไอ้สัส” ฯลฯ และยังถามว่าเป็นโรคซึมเศร้าอะไรมาฆ่าคนอื่น สารเลว ขอให้ได้รับแต่ความชิบหาย และจะเผาพริกเผาเกลือแช่ง ซึ่งภรรยาของนายม่อน ยังบอกอีกด้วยว่า ภรรยาของนายพี มือยิงนั่นแหละ ตัวดี รู้เห็นว่าสามีเอาปืนมาด้วย


ต่อมาเวลา 21.15 น. ครอบครัวของนายม่อน ได้ทำการเชิญวิญญาณ ซึ่งแม่ยายของนายม่อนบอกว่าที่ต้องเชิญตอนนี้เนื่องจากมีคนบอกว่าเห็นนายม่อน นั่งอยู่จุดที่เสียชีวิต ซึ่งครอบครัวได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง 1 จุด แล้วจากนั้นมาจุดธูปเชิญวิญญาณตรงหน้า สน. อีกจุด ซึ่งแม่ของนายม่อนก็ได้เรียกลูกกลับบ้าน ขระที่ภรรยานายม่อนเรียกสามีกลับบ้านทั้งน้ำตา ระบุว่า “ม่อน กลับบ้านเรานะ กลับไปพร้อมเค้ากับลูกนะ ตัวเองต้องอยู่กับเขากับลูกนะ”


https://youtu.be/lvEfkuNg2Gg

คุณอาจสนใจ

Related News