เปิดใจ ‘สมาน’ คนรถบัส บอกพยายามช่วยแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ จึงหนีไปตั้งหลัก

คนขับรถบัสที่เกิดเหตุไฟไหม้ ถูกคุมตัวที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยเจ้าตัว ยืนยันพยายามช่วยแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ และไม่ได้หนี แค่ขอไปตั้งหลัก

นายสมาน คนขับรถบัสที่หลายคนตามหาตัวกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1ต.ค.67) เพิ่งจะถูกตำรวจ สภ.คูคต คุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง หลังจากเมื่อคืนนี้สอบปากคำจนดึก

จากนั้นประมาณบ่าย 2 โมง ก็คุมตัวนาย สมาน ไปขึ้นรถควบคุม เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรีฝากขังผัดแรก โดยระหว่างที่ควบคุมตัวไป ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนาย สมาน ยอมรับว่า เสียใจและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่า ก่อนออกรถได้ตรวจเช็คสภาพแล้ว และก่อนเกิดเหตุไม่ได้กลิ่นอะไรปิดปกติ ตอนที่เกิดเหตุเขาก็พยายามช่วยแล้ว แต่ไม่สำเร็จ และก่อนที่เขาจะลงจากรถได้เปิดประตูรถแล้ว แต่ประตูหลังไม่ได้เปิด เพราะตรงจุดนั้นไฟไหม้รุนแรงแล้ว ส่วนสาเหตุที่หายจากจุดเกิดเหตุ ก็เพื่อไปตั้งหลัก ไม่ได้หนี

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้ง 4 ข้อหา คือ ขับรถประมาทหวาดเสียว ทำให้เกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน  กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายต่อร่างกายหรือจิตใจ และไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่

ซึ่งพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรอผลการตรวจผู้ได้รับบาดเจ็บจากแพทย์ หากผู้บาดเจ็บรักษาตัวเกินกว่า 20 วัน จะต้องแจ้งข้อหา "กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส" เพิ่ม

จากการสอบปากคำ นาย สมาน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานอสบอสวนจึงยื่นฝากขังทันทีภายในวันนี้ (2ต.ค.67) พร้อมคัดค้านการประกันตัวเพราะมีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่แรก

ขณะที่ทีมข่าวได้รับรายงานคำให้การของนาย สมาน ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาตามปกติ แต่ถุงลมโช๊คระเบิด ทำให้รถเสียหลัก และมีการเสียดสีไปกับพื้นถนน และไปกระแทกกับแบริเออร์ จนเกิดประกายไฟลุกขึ้นจากหน้ารถอย่างรวดเร็ว

จากนั้นได้กดเปิดประตูผู้โดยสาร ทั้งด้านหน้าและตรงกลางรถ แต่ประตูกลับเปิดได้เฉพาะด้านหน้าจึงช่วยพาเด็กนักเรียนและครูลงจากรถตรงประตูด้านหน้า จากนั้นได้พยายามเดินมาจะเปิดประตูตรงกลางรถจากด้านนอกรถ เพื่อจะขึ้นไปเปิดประตูฉุกเฉินซึ่งต้องเปิดจากด้านใน และช่วยเด็กนักเรียนกับครูที่เหลือออกมา แต่พบว่าประตูตรงกลางตกร่อง และไฟได้ลุกไหม้แรงมาก จึงไม่สามารถเปิดประตูขึ้นไปได้ ส่วนถังดับเพลิงในรถ 2 ถังก็ถูกไฟไหม้ไป ไม่สามารถเข้าไปเอาได้ จึงเดินไปเอาถังดับเพลิงจากรถคันอื่นมาพยายามดับไฟ

พอช่วยไม่ได้ทำให้เกิดความกลัวว่าจะโดนรุมประชาทัณฑ์ จึงตัดสินใจหนีไปตั้งหลัก โดยนั่งรถตู้จากรังสิตไปหาญาติที่จังหวัดอ่างทอง แต่ยืนยันกับตำรวจว่า ตรวจเช็ครถทุกวันก่อนออกเดินทาง โดยขับรถบัสกับบริษัทนี้มา 3 ปีแล้ว และทำอาชีพขับรถบัสมานานกว่า 20 ปี

โดยล่าสุดมีรายงานว่าเมื่อช่วงสายที่ผ่านมาเจ้าของรถบัสที่เกิดเหตุนำกระเช้าไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ นี่เป็นภาพขณะที่นายทรงวิทร์ นำกระเช้าผลไม้ไปไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บและครอบครัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งมีน้องนักเรียนที่รับการรักษาอยู่ที่ 2 คน โดยมีครอบครัวผู้เสียหายมารับมอบกระเช้า

https://youtu.be/E34FqTr5MeA