อาชญากรรม

เปิดปฏิบัติการ ล้างบางจนท.ทางหลวง รับส่วย พบบัญชีม้าเงินหมุนกว่า 200 ล้าน

โดย olan_l

3 ก.ย. 2567

93 views

‘บิ๊กเต่า’ บุกจับเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เรียกรับส่วยรถบรรทุก พบเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 3 ล้าน พร้อมบุกค้นสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ หาหลักฐานเพิ่ม


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำทีมเปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย "เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วยรถบรรทุก" เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 11 จุด ทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และ กรุงเทพมหานคร

พร้อมควบคุมตัว นายนพดล อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check นายอเนก อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา และนายธงชัย หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อ

ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ข้อหา "เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" พร้อมเชิญตัวนายประทิน อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีม้า ที่รับโอนเงิน มารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นกัน

จากนั้นนำตัว นายนพดล เข้าค้นที่สำนักงานด่านชั่งน้ำหนักวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบปืน 2 กระบอก 1 ในนั้นเป็นปืนเถื่อน และยังพบปืนอีก 1 กระบอกที่สวนของนายนพดล จังหวัดเชียงใหม่ด้วย จากการสอบถามนายนพดล ว่ารู้เห็นเรื่องส่วยรถบรรทุกหรือไม่ เจ้าตัวปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับ นายธงชัย หรือ บอย ที่เป็นหน้าเสื่อ

เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เข้าตรวจค้นและข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง ถนนศรีอยุธยา ซึ่งเป็น 1 ใน 10 จุด ที่ขอหมายศาลเข้าค้น เพราะทุก ๆ ด่านทั่วประเทศจะต้องส่งข้อมูลมาที่สำนักงานแห่งนี้ แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลสื่อ

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้เข้าตรวจค้นรวม 11 จุด ใน 7 จังหวัด จับเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง 2 คน และประชาชนซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุน 1 คน รวม 3 คน ซึ่งการเข้าจับครั้งนี้สืบเนื่องมาจากช่วงกลางปี 2566 มีการออกมาแฉเรื่องส่วนรถบรรทุก จึงมีการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา กระทั่งพันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง โดนยิงเสียชีวิตที่บ้านของกำนันนก ในจังหวัดนครปฐม ซึ่ง 1 ในชนวนเหตุก็มาจากเรื่องส่วยรถบรรทุกเช่นกัน และอีก 2 วัน จะครบ 1 ปี เหตุการณ์นั้น

ล่าสุดวันนี้ตำรวจ บก.ปปป. ป.ป.ท.และ ป.ป.ช. มีข้อมูลที่แน่ชัดจากกลุ่มผู้ประกอบการ ที่เคยยื่นเรื่องร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ว่ามีกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกับพลเรือน เรียกเก็บส่วย รถเครน และ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน จึงสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน จนขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ออกหมายค้น และหมายจับผู้เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ในฐานะที่เคยรักษาการในตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวง บอกว่า ปัญหานี้เริ่มจากการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้เกิด "ส่วย" ซึ่งเมื่อปี 66 ได้โยกย้ายตำรวจทางหลวงไป 40 กว่านาย ส่ง ป.ป.ช.ดำเนินคดี 6 นาย แต่ยังไม่พอ เพราะเป้าหมาย คือ แก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างยั่งยืน จึงเกิดปฏิบัติการวันนี้ แต่นี่เป็นแค่จุดเดียวจากหลายๆ จุดทั่วประเทศ

จากการตรวจสอบพบว่า เฉพาะนายนพดล หัวหน้าชุดที่โดนจับ มีนายหน้าถึง 4 คน เมื่อดูบัญชีม้าย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 - กลางปี 2566 พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีม้ากว่า 200 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 5 ล้านบาท

มีหลังถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ร่วมกับพลเรือน เรียกเก็บส่วย รถเครน และ รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ทำให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี สั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ และแก้ไข จนพบข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ของกรมทางหลวงเรียกเก็บเงินส่วยรายเดือนจากผู้ประกอบการ เพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี

โดยมีนายธงชัย ที่เป็นพลเรือน คอยทำหน้าที่หน้าเสื่อเป็นผู้เข้าไปเจรจาเรียกรับเงินแทน หากผู้ประกอบการรายใด ไม่ทำตามข้อเรียกร้องก็จะถูกกวดขันจับกุมอย่างหนักจนกระทบต่อกิจการ จากข้อมูลพบว่าทำมานานหลายปี และมีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็ก ที่อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง กว่า 30 ราย ต้องยอมจ่ายส่วยรายเดือน ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท เฉลี่ยแล้วจะมีเงินหมุนเวียนเดือนละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้มาจะถูกโอนเข้าไปยังบัญชีม้า ที่มีชื่อของนาย ประทิน แล้วกระจายเงินไปตามบัญชีต่างๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้อง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/mc-CDM7ZAvM

คุณอาจสนใจ