คุมตัวอดีตทหารเกณฑ์ ยิง 2 ศพ ทำแผนฯ เอ่ยย้ำ "ฝากถึงยงยุทธ เขาทำให้ผมเป็นแบบนี้"

ตำรวจคุมตัวอดีตทหารเกณฑ์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว หลังรับสารภาพทุกข้อหา อ้างทำไปเพราะบันดาลโทสะ ขณะที่ตำรวจบอกเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะเกิดเหตุวิวาทไปหลายชั่วโมงถึงย้อนมาก่อเหตุ

จุดแรกที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน คุมตัวอดีตทหารเกณฑ์ปลดประจำการ ไปทำแผนคือที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 25 ผู้ต้องหาและเพื่อนรุ่นพี่มาเปิดห้องพักเมื่อคืนวันที่ 23 มิถุนายน เพื่อดื่มสังสรรค์กัน และจอดรถกระบะคันที่ใช้หลบหนีไว้ที่นี่ด้วย ก่อนจะออกมาซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อถึง 2 รอบ และมีปากเสียงกับพนักงาน เพราะทำขวดเบียร์แตก

จุดที่สองตำรวจคุมตัว ผู้ต้องหาไปทำแผนที่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน เป็นจุดที่มีปากเสียงกับพนักงานร้านสะดวกซื้อ และก็ยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ 6 นัด ซึ่งตามคำให้การของผู้ต้องหาได้พูดหลังยิงด้วย "ตายหรือยัง" ซึ่งก่อนจะทำแผนเกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย เมื่อภรรยาผู้เสียชีวิตมารอดูการทำแผนในร้าน และพยายามจะเข้าทำร้ายผู้ต้องหา จนเพื่อนและตำรวจต้องกันตัวไว้ และจังหวะที่ผู้ต้องหาเดินออกมาทำแผนหน้าร้าน ได้พูดว่า "ขอโทษ และฝากถึงยงยุทธว่าเขาทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้" โดยมีประชาชนที่มาเฝ้าดูตะโกนด่าทอตลอดเวลา

พันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของผู้ต้องหาเข้าข่ายฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะก่อเหตุหลังเกิดการทะเลาะวิวาทหลายชั่วโมงแล้ว ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ถูกผู้บังคับบัญชาระหว่างที่เป็นทหารกดดัน และทำร้ายร่างกาย จนทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจำเป็นต้องเรียกบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างมาให้ปากคำหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาพนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ มาขออายัดตัวและนำไปชี้จุดที่ก่อเหตุกราดยิงในโรงพยาบาลสนามต่อ

อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ถูกคุมตัวถึง สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี เมื่อเวลา 11.30 น. โดยถูกคุมตัวเข้าห้องสอบสวน เพื่อสอบปากคำ จากนั้นในเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พร้อมตำรวจ สภ.ประตู่น้ำจุฬาลงกรณ์ คุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ รพ.สนาม ในสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

เริ่มจากจุดที่คนร้ายขับรถกระบะมาจอดบริเวณป้อม รปภ. ประตูทางเข้า โดยแจ้ง รปภ.ว่า จะมา รพ.ราชวิถี 2 จุดที่สอง คนร้ายจอดรถบริเวณอาคารด้านทิศเหนือ จุดที่ 3 คนร้ายเดินไปหน้าประตูอาคารที่เป็น รพ.สนาม จุดที่คนร้ายใช้ปืนยิงประตู จุดที่ 4 หน้าร้านกาแฟ ที่คนร้ายยิงปืนขึ้นฟ้า จุดที่ 5 คนร้ายขึ้นรถกระบะแล้วใช้ปืนยิงใส่ รปภ. แต่กระสุนปืนเจาะเข้ากระถางต้นไม้ และจุดที่ 6 คนร้ายขับรถหนีออกไปทางประตู 2

พล.ต.ต.ชยุต เผยว่า ผู้ต้องหาให้การสอดรับกับวิธีกระสุนที่พบในวันเกิดเหตุ เชื่อได้ว่าเต็มใจในการยอมรับสารภาพ โดยปืนที่ใช้ ผู้ต้องหาบอกว่า ใช้ปืนขนาด .38 ก่อเหตุที่ร้านสะดวกซื้อ จากนั้นได้บรรจุกระสุนใหม่บนรถ แต่ตอนลงไปก่อเหตุที่ รพ.สนาม เปลี่ยนเป็นใช้ปืนขนาด 9 มม. แต่จำไม่ได้ว่ายิงไปกี่นัด หลังทำแผนเสร็จ ได้คุมตัวกลับ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ในประเด็นที่ยังไม่ครอบคลุม เบื้องต้น พนักงานสอบสวนของ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ แจ้ง 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย

ด้าน นางสาวร่มเย็น บุญสืบ อายุ 47 ปี ภรรยาผู้ป่วยโควิด ที่เสียชีวิต เผยว่า จากคำรับสารภาพ ที่บอกว่ายิงสามีตน เพราะคิดว่าที่ตรงนี้เป็นสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด แบบนี้ไม่ได้บ้า แต่เขาเมา สาเหตุเกิดจากความเครียดแค้นในอดีตของเขา ซึ่งอดีตของเขามันกี่ปีเข้าไปแล้ว แต่มาระบายกับคนในปัจจุบัน ไม่ถูกต้อง ตนยอมรับว่าโกรธ สามีจะได้กลับบ้านอยู่ ตอนนี้มันตันไปหมด ต้องเลี้ยงลูก แถมไม่มีรายได้

ที่วัดราษฎร์ประคองธรรม อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลนายรัฐวิทย์ พนักงานร้านสะดวกซื้อ ที่ถูกอดีตทหารคลั่งยิงเสียชีวิต เมื่อช่วงที่ผ่านมา พ่อแม่ของผู้ต้องหา พร้อมทนายความ เดินทางมากราบขอขมาศพ ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ได้รอพบกับพ่อและน้าของผู้ตาย บิดาของผู้ตายหลังจาก ทำการขอขมาเรียบร้อยแล้วรีบเดินทางกลับในทันที พร้อมด้วยกล่าวสั้นๆว่า ครอบครัวเราสูญเสียมากพอแล้ว วันนี้มาขอขมาผู้ตายแทนลูกชายซึ่งถูกจับอยู่และไม่สามารถเดินทางมาด้วยตัวเองได้

จากการสอบถามนาย อธิธวัฒนะ สันติคุปตพงศ์ พ่อผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ถ้าเข้ามาขอยมาก็ให้เขาเข้ามาจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันและขอให้จบกันไปในชาตินี้ ตนรู้สึกเสียใจที่สูญเสียลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนกว่าจะโต แต่อยู่ๆมาถูกกระทำจึงรู้สึกเสียใจมากกับเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น ใครทำผิดก็ให้เขารับโทษไปถ้า ตนไม่อยากพูดอะไรมาก ขอแค่หมดเวรหมดกรรมพอ

สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/GRsUd4DvlP0