แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบขยายผล ผัว “พันตรีหญิง” ลอบค้าปืนเถื่อน ซุกคลังแสงอาวุธกลางค่ายทหาร

แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบขยายผล พบลอบใช้ร้านค้าสวัสดิขายอาวุธปืนเถื่อนในค่ายทหาร จับปืน 35 กระบอก กระสุน 16,000 นัด และอะไหล่ชิ้นส่วนอีกนับร้อยรายการ

กรณีกระแสข่าวว่ากำลังทหารกองทัพภาค 4 ร่วมกับตำรวจนครศรีธรรมราช ได้บุกตรวจค้นร้านค้าร้านหนึ่งภายในศูนย์การค้าสวัสดิการทหาร PX ภายในค่ายทหารวชิราวุธ กองทัพภาค 4 อ.เมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากสืบทราบว่าเปิดร้านขายอุปกรณ์ทหารบังหน้า แต่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนชนิดต่างๆ และอาวุธปืนสงคราม ชิ้นส่วนอะไหล่อาวุธปืน และกระสุนปืน โดยลักลอบขายทางออนไลน์มานานแล้ว จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นเจออาวุธปืนชนิดต่างๆ กระสุนปืนและชิ้นส่วนอะไหล่อาวุธปืนจำนวนมาก

จึงทำการจับกุมนายวิสุทธิ์ อายุ 41 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นสามีของนายทหารหญิงยศพันตรีคนหนึ่งในกองทัพภาค 4 โดยตำรวจได้ขยายผลไปค้นบ้านพักนายทหารหญิงและค้นบ้านพักของนายวิสุทธิ์ ในอำเภอท่าศาลา ได้ของกลางเพิ่มอีกจำนวนมากนั้น สร้างความตะลึงแก่แม่ทัพภาค 4 และผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่เจอคลังแสงจำนวนมากในค่ายทหารวชิราวุธ ทภ.4 และอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลต่อไปว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ต่อไป ขณะที่พยายามมีการปิดข่าวกันตลอดมานั้น

โดยจากการสอบสวนผู้ต้องหาอาวุธปืนหลายรายในพื้นที่ภาคใต้ ได้ให้การซัดทอดว่าซื้ออาวุธสงครามกระบอกละ 80,000 - 100,000 บาท มาจาก อ.ท่าศาลา และจากร้านค้าในศูนย์การค้า PX ศูนย์จำหน่ายสินค้าสวัสดิการทหาร ค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จนมีการสอบสวนสืบสวนทางลับ ก่อนเข้าตรวจค้นจับกุมเมื่อคืนที่ผ่านมา จึงทราบแหล่งจำหน่ายจนนำมาสู่การสนธิ กำลังเข้าตรวจสอบจับกุมทลายคลังแสงดังกล่าว

ล่าสุดทาง พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ท่านได้สั่งให้มีการขยายผลจากการสืบทราบข่าวว่ามีการลักลอบจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนผิดกฎหมาย ภายในร้านค้าสวัสดิการค่ายวชิราวุธ จึงได้มีการล่อซื้อและขยายผลรวมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดดังกล่าวได้ พร้อมกันนี้ได้กำชับให้มีการตรวจสอบความเชื่อมโยงในทุกมิติ และชี้แจงต่อสาธารณชนให้ได้รับทราบโดยเร็ว

ขณะที่ ค่ำวันนี้ (28 พ.ค.) พันเอก วัชรกร อ้นเงิน โฆษกกองทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีการใช้ร้านค้าสวัสดิการของหน่วยภายในค่ายวชิราวุธ เพื่อดำเนินกิจการที่ผิดกฎหมาย และมีการใช้ชื่อกำลังพลภายในค่ายทำสัญญาเช่าพื้นที่ เพื่อประกอบธุรกิจในเชิงพาณิชย์ โดยอาศัยการเปิดเป็นร้านค้าประเภทอุปกรณ์ตกแต่งอาวุธปืน เครื่องทหาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และร้านรับส่งพัสดุเอกชน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน โดยมี นายวิสุทธิ์ อายุ 41 ปี รับเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจค้นและขยายผลไปยังสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากการเข้าตรวจค้นพบอาวุธปืน จำนวน 35 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนกว่า 16,000 นัด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 100 รายการ ซึ่งมีการติดต่อทางออนไลน์ และจำหน่ายผ่านขนส่งเอกชน โดยปัจจุบันยังไม่ตรวจพบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และขยายผลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ ท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบผู้เช่าพื้นที่ร้านค้าสวัสดิการของหน่วยทุกแห่ง ในสังกัดกองทัพภาคที่ 4 อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยอาศัยพื้นที่ค่ายทหารในการดำเนินการในลักษณะเดียวกันอีก

กองทัพภาคที่ 4 ขอยืนยันว่า หากการขยายผลตรวจพบว่ามีกำลังพลในสังกัดคนใด ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว จะมีการลงโทษทางวินัยสถานหนัก และอำนวยความสะดวกในทางคดีให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถึงที่สุด เพื่อแสดงถึงจุดยืนและความรับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 4 โดยไม่ละเว้น การกระทำผิดกฎหมายในทุกกรณี แม้จะเกิดขึ้นภายในพื้นที่ของหน่วยทหารเองก็ตาม