ผบก.จร. สั่งเด้ง "ร.ต.ต." เรียกรับเงินหนุ่มญี่ปุ่น ให้ผู้บังคับบัญชา แจ้งความข้อหาเรียกรับผลประโยชน์

จากกรณีที่โลกโซเชียลแชร์คลิปวิดีโอที่ชายชาวญี่ปุ่น ทำคอนเทนต์ถ่ายวิดีโอถูกตำรวจจราจรเรียกรับเงิน โดยเนื้อหาในคลิปแปลเป็นภาษาไทย ประมาณว่า ประเทศที่ใช้เงินแก้ได้เกือบทุกอย่างเมื่อโดนตำรวจคอร์รัปชันจับ มีการเจรจาว่าเท่าไหร่ๆ และมีการหยิบเงินจำนวน 500 บาท ก่อนที่ตำรวจจราจรจะบอกให้นำเงินไว้ใต้ใบสั่ง และหยิบไป จากนั้นชายชาวญี่ปุ่นก็พูดว่าขอโทษครับ ๆ และขับออกไป โดยเมื่อขับออกไปแล้ว ชายชาวญี่ปุ่นได้พูดกับกล้องว่า “จ่าย 500 บาท แล้วตำรวจช่วยพิจารณา เลยได้ใบขับขี่คืนมาตอนให้ 500 บาท แต่เงินหลุดออกมาและให้กระดาษอะไรมาก็ไม่รู้ แถมยังต้องไปที่ไหนซักที่ เพื่อไปแลกใบขับขี่คืน เขียนเป็นภาษาไทยหมดเลย จะให้ไปไหนก็ไม่รู้ จะให้ทำยังไงก็ไม่รู้ ก็นะครับ นี่คือต่างประเทศ ที่ญี่ปุ่นคือไม่ได้แน่นอน”

พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผู้บังคับการตำรวจจราจร ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ บอกว่า ได้เรียกตำรวจที่ปรากฏในคลิปเป็นรอง สว.(จร.) งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. ยศ ร.ต.ต. มาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเหตุการณ์น่าจะเกิดในช่วง ปี 2559-2562 เนื่องจากในขณะเกิดเหตุ ยังมียศเป็นดาบตำรวจ แต่ปัจจุบันมียศเป็นร้อยตำรวจตรีแล้ว และสีชุดตำรวจก็เข้ม ซึ่งเป็นชุดเก่า

และเมื่อถามถึงเหตุการณ์ขณะนั้น ทาง ร.ต.ต. บอกว่า ตนเองเป็นตำรวจในคลิปจริง แต่จำเหตุการณ์ไม่ได้ชัดเจน จำคร่าวๆได้ว่า ขณะนั้น ตนเองกำลังปฏิบัติงานเพียงคนเดียว แล้วเห็นรถของชายชาวญี่ปุ่นทำผิดกฎจราจร บริเวณ 5 แยก ณ ระนอง จึงเรียกมาและเขียนใบสั่ง เมื่อถามว่ามีการหยิบเงินจำนวน 500 บาทไปหรือไม่ ก็บอกว่า จำไม่ได้ จำได้ว่าออกใบสั่งและยึดใบขับขี่แล้ว แล้วรถก็เคลื่อนตัวไป ซึ่งรายเอียดชัดๆก็จำไม่ได้ เพราะหลายปีแล้ว และขอเวลาไปหาข้อเท็จจริงมาชี้แจง ส่วนที่สังคมสงสัยว่าทำไมใบสั่งถึงแผ่นใหญ่ขนาดนั้น ทางพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ บอกว่า เป็นใบสั่งสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว

พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ล่าสุดได้เซ็นเอกสารสั่งให้ ร.ต.ต. ย้ายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ศปก.แล้ว และตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาของร.ต.ต. อักษรย่อ น. ไปแจ้งความ ที่ สน.ท่าเรือ ในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์ เพื่อป้องกันข้อครหาว่าอาจะให้การช่วยเหลือ เพราะกรณีนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเสียหาย และเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม รวมถึงจะต้องไปตรวจสอบหาต้นคั่วขณะนั้น แต่ต้องขอเวลาในการตรวจสอบ

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ต้องกำชับลูกน้องหรือไม่ พลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ บอกว่าจริงๆแล้ว ไม่ว่าจะ สตช. บชน.ก็กำชับอยู่แล้วเรื่องการเรียกรับผลประเยชน์ และสมัยนี้วิธีการจ่ายค่าปรับก็ทันสมัย และมีหลายช่องทางเพื่อตัดช่องว่างการกระทำผิดของตำรวจ แต่หากพบมีการกระทำผิดก็ขอให้แจ้งเพื่อดำเนินคดีทางวินัยและทางอาญา