อาชญากรรม

ผกก.อรัญประเทศ แจงยิบ! เหตุผลลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ยันไม่ได้ชี้นำทำแผน-พ่อผู้ก่อเหตุไม่มีเอี่ยวทำคดี

โดย petchpawee_k

17 ม.ค. 2567

123 views

ผกก.สภ.อรัญประเทศ แจงยิบ! การทำคดีป้ากบ-เหตุผลลุงเปี๊ยกรับสารภาพ ยันคำให้การลุงเปี๊ยก ไม่ตรงกับ 5 ผู้ก่อเหตุตามที่เป็นกระแสข่าว รองสว.สืบฯ ไม่ได้เป็นเข้าของคดี ไม่มีการชี้นำทำแผน-ไม่มีช่วยเหลือลูกตำรวจ


วานนี้ (16 ม.ค.) ทีมข่าวไปสอบถามรายละเอียดทางคดีกับ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ ว่า ตกลงแล้วการทำคดีป้ากบ ที่ถูก 5 เยาวชน ทำร้ายและนำไปโยนทิ้งน้ำจนเสียชีวิตเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งผู้กำกับฯ ยืนยันว่า ตำรวจได้กล้องวงจรปิดและพบเห็นกลุ่มเยาวชนที่รุมทำร้ายป้ากบ ก่อนที่นักข่าวจะเผยแพร่ข้อมูล


แล้วก็ไล่เรียงการทำคดีว่า หลังจากฝากขังลุงเปี๊ยกไปในช่วงเที่ยง ชุดสืบสวนก็ได้ภาพจากกล้อวงจรปิด และเห็นการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คน ในเวลา 12.41 น. ที่น่าเชื่อได้ว่า กลุ่มวัยรุ่นกระทำผิดและเป็นเหตุให้ป้ากบ ถึงแก่ความตาย และจากการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ก็ไม่พบว่าลุงเปี๊ยกไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ

ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ได้เร็วที่สุด เพื่อคืนเสรีภาพให้กับลุงเปี๊ยกอย่างรวดเร็ว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานให้ชัด จนกระทั่งพบว่ากลุ่มคนร้ายมี 5 คน และพิสูจน์ทราบได้ว่า เป็นใคร จึงได้ไปเชิญตัวมาอย่างรวดเร็วประมาณบ่าย 3 โมงเศษ ๆ ของวันที่ 13 ม.ค. พร้อมกับตรวจยึดรถจักรยานยนต์มาทั้ง 2 คัน เป็นคันที่ใช้ก่อเหตุ และได้เชิญตัวของผู้ปกครองทั้ง 5 คนมาร่วมสอบ โดยในการสอบปากคำ เด็กให้การรับสารภาพอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีใครบังคับ


ส่วนกรณีที่ทำไมลุงเปี๊ยก ถึงเข้ามารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุนั้น พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า หลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจก็เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านทุกคนต่างรู้ว่า ลุงเปี๊ยกมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา และมักจะดื่มสุราร่วมกับป้ากบเป็นประจำ และเวลาดื่มก็จะลงไม้ลงมือทำร้ายป้ากบ เป็นประจำ ประกอบกับป้ากบไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ใด ชาวบ้านทุกจะให้เงินหรือให้อาหาร จึงทำให้รู่ว่าคู่กรณีมีแค่ลุงเปี๊ยก จึงเป็นที่มีว่าทำไมถึงเชิญลุงเปี๊ยกมาซักถามปากคำ


ซึ่งขณะตรวจสอบที่เกิดเหตุ ลุงเปี๊ยกก็มาดูที่เกิดเหตุด้วย และชาวบ้านก็ช่วยกันสังเกตุว่ามีอะไรผิดปกติมีหลักฐานอะไรที่เป็นข้อบ่งชี้บ้าง โดยตอนลุงเปี๊ยก มาซักถาม ลุงเปี๊ยกก็แบ่งรับแบ่งสู้ แต่บางข้อเท็จจริงก็ไม่ตรงซะทีเดียว บางทีก็ชี้จุดโน้นชี้จุดนี้ จนกระทั่งที่เหตุผลที่นำตัวลุงเปี๊ยกชี้จุดเกิดเหตุ เพราะต้องการพิสูจน์ทราบคำพูดว่าเป็นความจริงหรือไม่ และยืนยันได้ว่าคำให้การของลุงเปี๊ยก ในการรับสารภาพตอนแรกและชี้จุดไม่ตรงกับคำให้การของกลุ่มวัยรุ่น


ส่วนสาเหตุที่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะลุงเปี๊ยกมารับสารภาพ รวมถึงพบร่องรอยของเลือดบริเวณขากางเกงของลุงเปี๊ยกจำนวน 2 จุด โดย พฐ.ได้ตรวจสอบพิสูจน์เบื้องต้นพบว่าเป็นเลือดของมนุษย์ แต่ยังไม่ทราบว่าเลือดของผู้ใด ประกอบกับความสัมพันธ์ทางครอบครัวและการสอบพยานบุคคลที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าบริเวณที่ป้ากบ อาศัยนอน และนายจ้างที่ป้ากบเป็นลูกจ้าง

กรณีที่สื่อไปให้ข่าวว่าตำรวจไปเข้าข้างไปอะไร “ผมยืนยันได้ว่าไม่ใช่ เพราะตำรวจก็พึ่งรู้ ไม่ได้ปกปิด หากไปดูไทม์ไลน์ เราไปดูที่เกิดเหตุช่วงบ่ายแล้วและกว่าจะเก็บพยานหลักฐานไดัยืนยันว่าไม่ได้ปกปิด”

ส่วนกรณีที่ว่า ขณะที่นำตังลุงเปี๊ยก ไปชี้จุดทำแผนนั้น ตำรวจมีการชี้นำหรือไม่ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีการชี้นำ และวันนั้นในการทำแผน ตำรวจได้ปล่อยให้ลุงเปี๊ยกอธิบาย เพียงแค่ถามว่า ‘แล้วยังไงต่อ เปี๊ยกแล้วยังไงต่อ’ ไม่มีการถามว่าใช่หรือไม่ และลุงเปี๊ยกเขาก็มีการสาธิตด้วย


โดยการไปทำแผนมีทั้งหมด 4 จุด คือ จุดแรกมุมข้างโรงพยาบาลตรงเสาไฟ /จุดที่ 2  ที่ลุงเปี๊ยกให้การว่า ลงมือทำร้ายและทุบ /จุดที่ 3 คือจุดที่แบกศพด้วยตนเองปล้วไปยืนอยู่กลางสนามเพื่อพักโดยไม่ได้วางศพ /จุดที่ 4 คือบริเวณสระน้ำข้างโรงเรียน เขามห้การว่าวางพาดร่างป้ากบกับโคนต้นไม้ แล้วไปหยิบไม้บริเวณนั้นมาตี 1 ครั้ง แล้วอุ้มตัวป้ากบโยนลงไปในน้ำ ไม่ได้มีการลงไปกดน้ำ นี่เป็นคำให้การของลุงเปี๊ยก ซึ่งยืนยันย้ำว่า คำให้การของลุงเปี๊ยกไม่ได้ตรงกับคำให้การของกลุ่มวัยรุ่น

เมื่อถามว่าคำให้การของลุงเปี๊ยก ดูมีพิรุธตรงไหนบ้างนั้น ผู้กำกับการ สภ.อรัญประเทศ บอกว่า ส่วนหนึ่งลุงเขาพูดจาเหมือนมีกลิ่นเหล้าตลอดเวลา พูดเหมือนไม่อยู่กับร่องกับรอย และพอซักถามไปซักถามมาลุงก็รับว่าทำเอง พูดโดยไม่มีข้อสงสัย แต่ขณะนั้นก็ไม่ได้ปักใจเชื่อซะทีเดียว โดยช่วงแรกตำรวจได้แบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนหนึ่งไปไล่กล้อง


ส่วนหนึ่งไปซักถามปากคำในที่เกิดเหตุ และจุดที่มีการไล่กล้อง ไล่กล้องช่วงที่แพทย์ระบุว่าน่าจะเสียชีวิตมา 8-12 ชั่วโมง ซึ่งทำให้พบว่าไม่สอดคล้องกับที่ลุงเปี๊ยกพูด จนตำรวจได่ไล่กล้องย้อนกลับไปอีก 1 วัน ทำให้เจอพยานหลักฐานกลุ่มที่กระทำความผิดจริง ๆ


ส่วนประเด็นว่า รองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ ที่เป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ เป็นเจ้าของคดีหรือไม่นั้น ผู้กำกับ สภ.อรัญประเทศ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็น และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมถึงวันที่ทำแผนไม่ได้มาร่วมในการทำแผน เพราะตนเองไปควบคุมการปฏิบัติอยู่ตลอด


ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสังเกตุว่าจับแพะเพื่อช่วยเหลือลูกตำรวจหรือไม่ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า “ขอยืนยันด้วยเกียรติว่าตำรวจตั้งใจทำงานจริง ๆ และส่วนตัวผม ถ้าดูตามประวัติพึ่งมารับตำแหน่งที่นี่ยังไม่ถึงเดือน ผมไม่รู้ว่ามครนิสัยยังไง จะมาบอกส่าเตรียมการช่วยเหลือเป็นอย่างดี ผมว่ามันไม่ใช่”


ส่วน ณ วันที่ไปจับตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คนมา ทราบหรือไม่ว่าเป็นลูกของตำรวจ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า “ในตอนแรกยังไม่รู้จนกระทั่งไปสืบลึกลงไปว่าเป็นกลุ่มไหน จึงได้รู้ ซึ่งยิ่งเป็นลูกตำรวจเรายิ่งต้องทำให้ตรงไปตรงมา เพราะกลัวสิ่งที่เป็นคำครหา ว่าเป็นลูกตำรวจนี่แหละ ผมกล้ายืนยันว่า สิ่งที่เราตั้งใจทำ ทำแล้วถูกสังคมตีตราว่าเป็นลูกตำรวจผมยิ่งไม่ยอมใหญ่ จึงขอให้เข้าใจ”

ส่วนกรณีที่หลังปล่อยตัวลุงเปี๊ยก ทำไมตำรวจจึงต้องคุมตัวไว้ พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ระบุว่า เมื่อรู้ว่ากระแสสังคมจับจ้อง ต้องทำให้บริสุทธิ์ เพราะจะต้องมีคณะกรรมการมาตรวจสอบอีก หากถึงเวลาเดี๋ยวจะตามลุงไม่ได้ เพราะลุงไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีญาติที่อยู่กับลุงตลอดเวลาและผู้ว่าก็เป็นห่วง สั่งให้นายอำเภอไปดูและอำนวยความสะดวกให้ และตนเองก็รายงานนายอำเภอตลอด และหลังจากประสานงานจะนำตัวไปสอบสุขภาพจิต แต่ก่อนจะไปตรวจสุขภาพจิตต้องผ่านการตรวจร่างกายก่อน แต่ไม่มีแพทย์จิตเวชนอกเวลา จึงต้องส่งกลับบ้านก่อน


ซึ่งสุดท้ายพอติดต่อไปหาญาติที่สุรินทร์ ญาติบอกไม่ต้องพากลับไป ให้กลับไปอยู่บ้านญาติที่คลองน้ำใส แต่ลุงบอกไม่อยากไปหาญาติที่คลองน้ำใส และไม่อยากเจอนักข่าวแล้ว แล้วลุงเปี๊ยกให้ติดต่อนายจ้างเก่าที่เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งตอนแรกติดต่อได้ แต่ภายหลังติดต่อไม่ได้ จึงพาไปอยู่บ้านญาติที่คลองน้ำใส


พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกับรองสารวัตรสืบสวนที่เป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ ส่วนประวัติของเยาวชนทั้ง 5 คน ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากผู้เสียหาย ที่โดนเด็กกลุ่มนี้ละเมิดทางอาญา ก็สามารถมาแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีได้


ขณะที่ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 ได้เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ปักใจเชื่อว่าลุงเปี๊ยกจะฆ่าป้าบัวผัน ได้มีการดูกล้องวงจรและนำกางเกงที่เปื้อน เลือดไปตรวจว่าตรงกันหรือไม่ แต่ผลการตรวจยังไม่ได้ออกมา จนมีการไล่กล้องวงจรปิดจับภาพว่ามีกลุ่มเยาวชนทั้ง 5 คน ร่วมกันฆ่าป้าบัวผัน จึงทำการปล่อยตัวลุงเปี๊ยกไป  ส่วนที่ลุงเปี๊ยกทำการรับสารภาพไปนั้นคาดว่าลุงเปี๊ยก มีอาการติดสุราเรื้อรังขั้นรุนแรง เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ได้อยู่ในการดูแลของญาติอย่างใกล้ชิด ไม่ได้อยู่ที่เซฟเฮาส์ตามที่เป็นข่าว


ส่วนกรณีหลักฐานต่างๆ ทำไมลุงเปี๊ยกถึงพูดได้ตรงกับที่เกิดเหตุผู้บัญชาการภาคสองระบุว่านี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องหาคำตอบ และต้องสอบสวนว่าก่อเหตุหรือไม่ โดยลุงเปี๊ยกบอกว่าเป็นคนฆ่าป้าบัวผัน ขณะที่พูดนั้น ทนายก็อยู่ด้วย และพอสอบสวนไปเรื่อยก็คิดว่าลุงเปี๊ยกไม่น่าจะทำ


“ยืนยันว่าตำรวจเป็นคนเห็นหลักฐานกล้องวงจรปิดเพราะไม่เชื่อคำให้การของลุงเปี๊ยกก่อนที่นักข่าวจะไปเจอกล้องวงจรปิด”


ส่วนกระแสสังคมมองว่าถ้านักข่าวไม่เอาไปเปิดเผยคดีนี้จะเป็นอย่างไร ผู้บัญชาการภาค 2 ระบุว่า ใครจะไปเอากล้องวงจรปิดที่หน้าร้านสะดวกซื้อได้ นอกจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจเป็นคนไปเอากล้องวงจรปิดเอง


ส่วนการย้ายพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นพ่อของเยาวชนได้มีการย้ายไปที่ ศปก ตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เพื่อไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งขอยืนยันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่ได้เข้าข้างตำรวจด้วยกัน


ส่วนพ่อของเยาวชน ที่เป็นรองสารวัตรสอบสวนนั้น ก็ไม่รู้เรื่องที่ลูกตัวเองไปก่อเหตุ และจากการตรวจสอบประวัติก็พบว่าเป็นตำรวจน้ำดี ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่มีประวัติเสื่อมเสียแต่อย่างใด ไม่ได้เกียวข้องกับพฤติกรรมของลูกชายหรือพยายามช่วยเหลือแต่อย่างใด และไม่มีตำรวจคนใดได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือช่วยเหลือตามที่สังคมเข้าใจ    


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/18G3aYs0FJs


คุณอาจสนใจ