จ่อออกหมายเรียก 7 นักข่าว 1 สมาคม โยงรับเงินบัญชีม้า - ที่ปรึกษา ‘บิ๊กโจ๊ก’ แจงไม่รู้ที่มา ได้เงินเดือนละ 5 หมื่น

ชุดสอบสวนคดีตำรวจ 8 นาย เกี่ยวข้องเว็บพนันออนไลน์ เตรียมออกหมายเรียก 7 คน กับอีก 1 องค์กร ที่พบรับเงินโอนมาจากบัญชีม้าของหนึ่งในผู้ต้องหา พบรับทั้งรายเดือนและรายครั้ง หลักพันถึงหลักหมื่นบาท


วานนี้ (28 ก.ย.) เวลา 16.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ หัวหน้าชุด PCT เปิดเผยหลังจากประชุมชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อพิจารณาออกหมายเรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินเว็บพนันออนไลน์ของเครือข่าย “มินนี่” มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม

โดยหลังจากที่ชุดสืบสวนได้จับผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้ว 17 คน และตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้รับเงินจากบัญชีม้า ขณะนี้พบหลักฐานที่จะให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกบุคคล 7 คน และ 1 องค์กร มาให้ข้อมูลในฐานะพยาน เนื่องจากมีการรับเงินจากบัญชีม้าของผู้ต้องหาในคดีนี้ ส่วนจะเป็นสื่อมวลชนหรือไม่ ยังไม่ขอระบุ

โดยบุคคลและองค์กรดังกล่าว ได้รับเงินจากบัญชีม้าเป็นรายเดือน และรายครั้ง ครั้งละหลักพันถึงหลักหมื่นบาท แต่มีบางครั้งรับเป็นรายเดือนเป็นประจำ โดยก่อนหน้านี้ได้มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินบัญชีม้ามาแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวนบ้างแล้วกว่า 10 คน ซึ่งก็ได้สอบสวนไว้แล้ว และจะขยายผลต่อไป

ส่วนคนที่ถูกออกหมายเรียกครั้งนี้จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้เลยหรือไม่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ที่จะร่วมกันพิจารณากับฝ่ายสืบสวน ซึ่งก็จะทำรายงานการสืบสวนส่งไปให้ร่วมพิจารณา ส่วนจะมีการออกหมายเรียกเพิ่มเติมจาก 7 คน 1 องค์กรนี้หรือไม่ อยู่ระหว่างพิจารณาของพนักงานสอบสวนเช่นกัน

ส่วนการขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 23 คน ที่มีทั้งตำรวจและพลเรือนนั้นโดยไม่ระบุยศและตำแหน่งผู้ต้องหา เนื่องจากเป็นคดีพนันออนไลน์ และร่วมกันฟอกเงิน ไม่ใช่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ทำให้ไม่ต้องไปขอหมายจับที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง และคดีนี้เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี ทำให้ขอศาลออกหมายจับได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ขณะนี้ยังมีกำลังใจดีในการสืบสวนคดีนี้ ไม่มีแรงกดดันแม้ว่าจะมีการจับตำรวจด้วยกันเอง ที่ผ่านมาได้ไปขอพรจากแม่ที่กำลังป่วยติดเตียง ไม่สามารถสื่อสารได้ แต่ก็ได้ให้นำมือมาลูบที่ศีรษะทุกครั้งที่เข้าไปกราบขอพร ซึ่งพลตำรวจโทไตรรงค์ ได้มีน้ำตาคลอในขณะที่พูดถึงเรื่องนี้

ส่วนกรณีการขยายผลจับ บอสตาล หรือ นายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนวอริเออร์ จนสามารถขยายผลมาจับนางสาวมินนี่ได้ และขยายผลมาจนถึงการออกหมายจับตำรวจได้นั้น ยังมีการจับนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว หรือ “เสี่ยกฤต” สส.พรรคพลังประชารัฐ จ.สงขลา เขต 4 ซึ่งเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครศรียูไนเต็ด ในคดีเว็บพนันออนไลน์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อีกด้วย ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างตรวจสอบ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า คดีนี้เป็นคนละประเด็นกัน แต่ผู้ต้องหามีตำแหน่งเป็นประธานสโมสรฟุตบอลเหมือนกัน คดียังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน และยังไม่พบความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงิน แต่ทั้งสองคนจะรู้จักกันหรือไม่ในวงการฟุตบอลยังไม่ทราบ

ส่วนผู้ต้องหาในคดีตั้งนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความมาต่อสู้คดีนั้น ทาง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ยืนยันว่าไม่ได้หนักใจ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และดำเนินคดีืไปตามข้อมูล พยานหลักฐานทางเทคนิคที่มี รวมถึงเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 17 คนที่จับได้นั้น ศาลยังไม่ให้ประกันตัว 3 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด ส่วนนางสาวมินนี่ ที่พบเป็นผู้ต้องหาหลักในคดีได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนไป และก็จะเรียกมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนตามกำหนดเวลาในวันที่ 30 กันยายน นี้


ส่วนตำรวจทั้ง 8 นาย ที่ถูกออกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ก็ทยอยไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร./ มีรายงานว่าเมื่อวานนี้ทั้ง 8 นาย จะมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 แต่ผู้สื่อข่าวเฝ้าอยู่ที่นั้นก็ไม่พบการปรากฎตัวของตำรวจทั้ง 8 นาย ที่โดนหมายจับและได้รับการประกันตัว

 นอกจากนี้จะขยายผลติดตามจับผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนีอีก 6 คน โดยบางคนในจำนวนนี้มีหุ้นส่วนเว็บพนันออนไลน์

-------------------------------------

ที่ปรึกษา “บิ๊กโจ๊ก” ยอมรับได้รับเงินเดือนละ 50,000 บาท ในฐานะที่ปรึกษาทางคดี และเคยได้รับเงินขณะเป็นหัวหน้าชุดทำคดี ยันความบริสุทธิ์ ยอมรับเงินที่ได้จากบัญชีม้าไม่ผิด เหตุไม่รู้ที่มาของเงิน ดังนั้นจะดำเนินคดีฐานสมคบคิดไม่ได้


 วานนี้ (28 ก.ย.) เวลา 12.50 น. พล.ต.ท.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน ในฐานะที่ปรึกษา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยในขณะที่เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เจ้าตัวบอกว่ามารับประทานอาหารกลางวันกับเพื่อนที่จะเกษียณ ยอมรับว่าเคยได้รับเงินช่วยเหลือในการทำคดีต่างๆ ในสมัยที่เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนทำคดีร่วมกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ครั้งละ 50,000 บาท

โดยการให้เงินจำนวนนี้เห็นว่าเป็นการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปปฏิบัติหน้าที่ โดยที่ไม่ต้องไปรบกวนตำรวจในพื้นที่ที่เข้าไปปฏิบัติงาน ทั้งค่าที่พัก ค่าอาหาร ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคนที่ดูแลลูกน้องเป็นอย่างดี ที่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ซึ่งในปัจจุบันก็ยังได้รับเงินเดือนละ 50,000 บาท ในฐานะที่ปรึกษาช่วยเหลือทำคดีต่าง ๆ

พล.ต.ท.ไพโรจน์ ยังได้ชี้แจงเส้นทางการเงิน ที่ถูกระบุว่า มีการโอนเงินจาก นายวุฒิพงษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาบัญชีม้า ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ จากนั้นก็ได้มีการโอนไปยังบัญชีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ตำรวจที่ถูกออกหมายจับเช่นเดียวกัน

จากนั้นก็ได้มีการโอนเงินมาเข้าบัญชีของตนเองตั้งแต่ปี 65 โดย พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นคนโอนให้ เดือนละ 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในสำนักงานสมาคมพนักงานสอบสวน โดยเป็นค่าใช้จ่ายทั้งค่าน้ำค่าไฟของสมาคม

นอกจากนี้ก็ยังมีการโอนเงินรายเดือนในฐานะที่ปรึกษาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อีกเดือนละ 50,000 บาท

 โดยยืนยันว่าเงินจำนวนดังกล่าว ที่ได้รับโอนมานั้น ตนเองไม่ทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์หรือบัญชีม้า และไม่ได้มีส่วนร่วมสมคบในการกระทำผิด

--------------------------------------

ขณะที่ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา สื่อมวลชนจำนวนมากมาเฝ้าปักหลักรอติดตามการเดินทางเข้ามายังสโมสรตำรวจของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนไม่สามารถติดต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เลย จึงไม่ทราบว่าจะมีกำหนดการเข้าสโมสรตำรวจหรือไม่

ขณะที่นายตำรวจติดตามใต้บังคับบัญชา เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ทำหนังสือลาราชการ 3 วัน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 27 กันยายน ซึ่งเป็นวันประชุม ก.ตร. ถึง 29 กันยายน เมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) จึงไม่มีการแจ้งตารางงานภารกิจใดๆ ให้นายตำรวจติดตามรับทราบ จึงไม่ทราบว่าวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีภารกิจที่ใดบ้าง

โดยก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกไว้ว่า จะยังคงทำงานตามปกติเช่นเดิมและพร้อมทำงานในทุกหน้าที่ทุกตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย แม้ชุดทำงานใกล้ชิดจะถูกย้ายเข้า ศปก.ตร. แต่ก็ยังมีลูกน้องทีมทำงานที่เหลืออยู่อีก ส่วนการให้สัมภาษณ์ข้อมูลทางคดี มอบหมายให้นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความ ดำเนินการ เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกัน

-----------------------------------------